Saturday, April 19, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) Unseen-7(ทัตซี)




Unseen-7 (ทัตซี)



“นี่ครับ  พี่ทัตหาไอ้เจ้านี่อยู่หรือ”


ภูวดลยื่นแว่นตาว่ายน้ำให้คนที่กำลังยืนรื้อของในกระเป๋ากีฬา แผ่นหลังกว้างสมาร์ทสมส่วนยืนโชว์สัดส่วนฟิตเปรี๊ยะ สวมใส่แค่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียว


“ครับใช่  อยู่กับซีนี่เอง นึกว่าลืมเอามาซะอีก”


“พี่ลืมไว้ที่กระเป๋าผมเมื่อตอนมาว่ายกันครั้งที่แล้ว”


“เฮ้ยจริงป่ะ?  แล้วมันหลงไปอยู่ในกระเป๋าซีได้ไงเนี่ย  พี่ว่าพี่หย่อนไว้ในกระเป๋าใบนี้นะ”


“จะไม่หลงได้ยังไงล่ะครับ ก็กระเป๋ามันเหมือนกันซะขนาดนี้”


มันช่วยไม่ได้จริง ๆ เมื่อมองไปที่กระเป๋ากีฬาสีดำคาดขาวสองใบที่วางอยู่ข้างกัน ไม่กี่วันที่แล้วทัตพลซื้อมาแล้วบังคับให้เขาต้องใช้ใส่ของไปว่ายน้ำเป็นเพื่อน  เขาถามเหตุผลว่าทำไมต้องใช้เหมือนกันขนาดนี้ อีกฝ่ายเลยตอบกลับมาว่า ต้องใช้เป็นคู่มันถึงดูขลัง  เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก แต่อย่างไรเสียก็ยอมใช้มันอยู่ดี ขี้เกียจฟังคนเอาแต่ใจบ่นนั่นนี่ ถึงไม่ยอมใช้ก็ต้องบังคับเขาใช้เข้าจนได้


“ซีเข้าไปเปลี่ยนชุดสิ พี่เรียบร้อยแล้วนะ” ทัตพลสั่งพลางปรับสายแว่นให้ได้ขนาดรู้สึกว่ายางมันจะเลื่อนต่ำลงมานิดหน่อย  ภูวดลจึงหยิบกางเกงว่ายน้ำแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยน พออกมามือใหญ่ก็ยื่นแว่นตาว่ายน้ำส่งให้ จับเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋าแล้วถือไปเก็บไว้ที่ล็อคเกอร์ คว้าเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่พับเรียงไว้ส่งให้คนข้างตัวอีกผืน


เขาสองคนเดินออกไปที่ริมสระด้วยกัน


“ผมว่ากางเกงพี่มันสั้นไปนะ”


ภูวดลเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกขัดตามากมายกับกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วของทัตพล นี่มันเหมือนกับกางเกงชั้นในดีๆเลยเพียงแต่เป็นสีดำและหนากว่านิดหน่อยเท่านั้น  เขาว่าพลางกวาดตามองดูบริเวณสระ วันนี้คนลงไม่ค่อยเยอะ หกโมงเย็นแบบนี้แดดหุบว่ายได้สบาย ไม่ร้อน


“แบบนี้แหละว่ายสบายคล่องตัว ของซีนั่นแหละเชยออก ยาวซะเกือบครึ่งขาแบบนั้น ไม่ใส่เป็นชุดกบดำน้ำเลยล่ะครับ”


ทัตพลแกล้งกระเซ้าเล่นเขาอดจะหัวเราะเบา ๆ  กับคำพูดหยอกล้อของตนเองไม่ได้ หากแต่ภูวดลดันคิดจริงจังก้มมองตัวเองทันที


นี่เขาโดนหาว่าเชยหรือนี่?


“เดี๋ยวพาไปซื้อแบบที่พี่ใส่ดีกว่า เวลาเคลื่อนไหวร่างกายมันง่ายกว่า จะเล่นท่าอะไรๆแบบไหนก็สะดวก ใส่แบบนี้เหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย ว่ายสบายสุด ๆ ”


“ไม่เอาหรอกครับ ผมชอบของผมแบบนี้”


“ป่ะ ลงกันเถอะ” เขาว่าแล้วพาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่พนักเก้าอี้ข้างสระ ก่อนจะเลื่อนแว่นที่คล้องคออยู่ขึ้นมาใส่แล้วกระโดดลงสระว่ายพุ่งออกไปอย่างสวยงาม ทว่าภูวดลกลับยังยืนนิ่งอยู่ เขาหย่อนตัวนั่งลงที่ขอบสระ  เลือกที่จะห้อยขาลงไปแกว่งน้ำเล่นแทน จนทัตพลว่ายกลับมาแตะลงที่ขอบสระอีกครั้ง


“ไม่ลงอ่ะ?” เขาลูบหน้าสะบัดศีรษะไล่สายน้ำเย็น


“เดี๋ยวลงครับ   พี่ทัตว่ายก่อนเถอะครับ”


“ได้ไงล่ะ ลงมาเดี๋ยวนี้เลยม่ะ” เขาว่าแล้วกระชากแขนที่เล็กกว่าลงสระทันที ภูวดลตั้งตัวได้ก็ว่ายหนีเขาไม่รอช้าเหมือนกัน


“หนีให้ได้ตลอดล่ะ อย่าให้จับได้เชียวนะ” 


ทัตพลยิ้มเจ้าเล่ห์ว่าจบเขาสาวแขนในท่าฟรีสไตล์ว่ายตามคนด้านหน้าทันที  สองหนุ่มหล่อว่ายแข่งเล่นกันอยู่นาน จนเหนื่อยจึงมาลอยตัวเท้าแขนเล่นอยู่ที่มุมหนึ่งของสระ ใบหน้าหล่อคมคายแหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มมืด


“พรุ่งนี้เราไปเยี่ยมภัครเขาตอนเช้าเลยดีไหม เดี๋ยวแวะซื้อของบำรุงสุขภาพไปฝากสักหน่อยดีกว่า รังนก? น่าเบื่อออก  เอาเป็นพวกผักผลไม้ปลอดสารพิษก็ดีนะ” เขาพึมพำอยู่คนเดียวแล้วหันไปถามความเห็นภูวดลปิดท้าย


“ถ้าอย่างนั้น ออกจากที่นี่เราแวะเข้าร้าน.....กันดีไหมครับ ร้านนั้นมีแต่อาหารสุขภาพปลอดสารพิษ พวกผักผลไม้ ธัญพืชอะไรแบบนั้น ผมว่าน่าจะดีกับคุณภัครท่าน เห็นทรายเปรยไว้ว่าผักปลอดสารแถวนั้นหายากมากเลย”


“ได้สิ เอาแบบนั้นก็ได้ ซีจัดการให้พี่ก็แล้วกันนะ”


“พี่ทัตว่ายพอรึยังครับ เราขึ้นกันเลยดีไหม จะได้มีเวลาเลือกของนานหน่อย”


“ซื้อของเสร็จแล้วไปกินข้าวที่ไหนกันดี  วันนี้กินข้างนอกเถอะนะ ซีเหนื่อยแล้วถ้ากลับไปยังต้องทำอาหารอีกคงจะหมดแรงแน่ วันนี้ เราทานข้างนอกเลยก็แล้วกัน”


“ครับ” 


ภูวดลพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่รู้เมื่อไหร่ความรู้สึกที่ว่าเมื่อทัตพลพูดคำว่า เราออกมาแล้วเขาไม่รู้สึกแปลก ๆ อีก เขาสองคนทานข้าวร่วมกันจนเป็นเรื่องปกติ บางครั้งที่ทัตพลกลับพังงา ภูวดลกลับรู้สึกเหงาขึ้นมานิด ๆ ความรู้สึกกับคนๆนี้ไม่เหมือนความรู้สึกกับวาริน และไม่เหมือนความรู้สึกกับขวัญข้าวเพื่อนสมัยเด็ก แต่เป็นความรู้สึกแบบที่เขาเองก็บอกไม่ถูกเช่นกัน


 “อาบพร้อมกันเลยนะ  จะได้รีบไป  ซีเข้ามาเร็วเข้า”  ทัตพลเดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำมือหมุนเปิดก๊อกฝักบัว พยักหน้าเรียกภูวดลให้เข้าไปอาบด้วยกัน


“แชมพูของซีอยู่นี่ พี่ไม่ได้เอาของพี่มา เดี๋ยวสระให้เข้ามาเร็ว” เมื่อเห็นว่าภูวดลไม่ยอมตามเข้าไปเขาเลยออกมาดึงแขนอีกคนให้เข้าไปยืนอยู่ใต้สายน้ำฝักบัวเดียวกัน


“ทำอะไรน่ะครับ” ภูวดลถอยหนีทันทีที่ทัตพลบีบแชมพูลงที่ศีรษะของเขา


“ก็สระผมไง ว่ายน้ำเสร็จเราก็ต้องสระผมทุกครั้งอยู่แล้ว กลิ่นคลอรีนเหม็นออก”


เขาว่าแล้วเทแชมพูลงที่ศีรษะตัวเองบ้าง ยีๆไม่กี่ครั้งฟองก็เต็มหัว


“ซีทำไมไม่ขยี้ผมล่ะ น้ำยาไหลลงมาหมดแล้วเดี๋ยวก็เข้าตาหรอก”


มือใหญ่ยกขึ้นมายีหัวให้อีกคน ภูวดลที่ยังยืนอึ้งอยู่ทำอะไรไม่ถูก เพราะว่าเคยชินกับการทำให้คนอื่น บริการคนอื่น ดูแลคนอื่น ไม่เคยมีใครดูแลและทำให้เขาถึงขนาดนี้มาก่อน


“สระให้พี่บ้างสิ”


ไม่รู้ไปไงมาไงตอนนี้สองหนุ่มอยู่ในสภาพหันหน้าเขาหากันแล้วสระผมให้กันและกันอยู่


ทัตพลดันตัวภูวดลให้เดินเข้าไปชิดผนังส่วนตัวเองยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเปิดก๊อกฝักบัวขึ้นมาอีกครั้ง  ฟองแชมพูไหลลงมาที่ผิวกายตึงแน่นจากเขาทั้งคู่ที่ยืนเบียดกันอยู่ในห้องอาบน้ำที่ไม่ใหญ่โตนัก  ก่อนที่พรายฟองจากแชมพูกลิ่นหอมจะละลายกลายเป็นสายน้ำตกทิ้งไป


“หันมานี่มา เดี๋ยวพี่ไดร์ให้”


หลังอาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อยภูวดลยืนนิ่ง มองคนตัวสูงพอ ๆ กับเขายืนไดร์ผมให้ตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก ทัตพลดูดีมากจริง ๆ แม้แต่ตอนที่ไม่ได้แต่งตัวเซตผม เขาก็ยังคงความดูดีไว้ไม่เปลี่ยน


“ผมซียาวขึ้นนะ พี่ว่ายาวขึ้นกว่าตอนที่เราเจอกันครั้งแรกอีกมั้งเนี่ย” เขาว่าแล้วจับผมภูวดลลองวัดความยาวเล่น ๆ ภูวดลเป็นศิลปินเขาชอบไว้ผมให้ยาวลงมาถึงต้นคอ วารินเองก็ทำทรงคล้ายกัน สองพี่น้องเวลาเดินไปด้วยกันจึงเหมือนพวกเด็กผู้ชายญี่ปุ่นไว้ผมยาวติสๆไม่มีผิด


“ผมพี่ทัตก็ยาวขึ้นเหมือนกันนั่นแหละครับ พุงก็เพิ่มขึ้นด้วย แก่แล้วก็เงี๊ยะ” ภูวดลหรี่ตาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เขาผ่านกระจกเงาบานใส  เขารู้ทัตพลซีเรียสเรื่องรูปร่างเป็นพิเศษ เป็นผู้ชายที่รักษาหุ่นดีมาก ทานข้าวก็ต้องกะปริมาณ อ้วนขึ้นนิดเดียวก็รีบชวนมาออกกำลังกาย ไม่แตะต้องอาหารที่มีไขมันเลยแม้แต่น้อย


“ลงพุงที่ไหน! ไม่มี๊!!!   แล้วอย่าพูดเรื่องความแก่หรืออายุนะ คนเราคบกันไม่ว่าจะในฐานะอะไรเขาให้ดูกันที่หน้าตารู้เปล่า  ดูซิเผลอๆพี่ว่าซีหน้าแก่กว่าพี่อีกนะเนี่ย”


เขาว่าแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ อมยิ้มหน่อย ๆ กวาดตามองภูวดลผ่านกระจกอย่างคนเจ้าเล่ห์ ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับหน้ายุ่งเพราะโดนเขาเบรกกลับคืนแบบไม่ได้ทันตั้งตัว มันก็จริงที่ว่าทัตพลหน้าเด็ก อยากจะเถียงก็เถียงไม่ทันปกติยิ่งเป็นคนเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ อยู่แล้ว


ทัตพลยักไหล่แกล้งไม่ใส่ใจ เขาหันไดร์มาเป่าลงบนศีรษะตัวเองบ้าง เอาแค่หมาด ๆ สะบัดๆแล้วก็คว้าเอาผ้าเช็ดตัวใช้แล้วโยนลงในตะกร้า  หยิบกุญแจไปเปิดเอากระเป๋าในล็อคเกอร์ส่งให้ภูวดลหนึ่ง ของตัวเองอีกหนึ่ง แล้วเขาสองคนก็ออกมาขึ้นรถที่จอดเข้าซองไว้อย่างดี พนักงานบริการโค้งให้อย่างสุภาพ


“โกรธอะไรพี่เนี่ย นั่งเงียบมาตลอดทางเลยนะ” ตั้งแต่ออกมาจากสปอร์ตคลับ ภูวดลนั่งเงียบไม่พูดจากับเขาสักคำ


“เมื่อกี้พูดเล่นนะครับ พี่ทัตหยอกเล่นซีอย่าคิดมากนะ ซีจะไปแก่กว่าพี่ได้ยังไง ดูสิ หน้าตาออกจะหล่อ ยิ่งเวลาซีวาดรูปนะ ออร่างี้กระจุยกระจายอ่ะ พี่ทัตยังต้องหลบให้เลย”


ภูวดลส่ายหน้าช้า ๆ มองวิวข้างทาง นึกหน่ายคนข้าง ๆ ผู้ชายหน้าตาดีที่อายุสามสิบเก้า หน้าตายี่สิบหก แต่ความคิดความอ่านน่าจะสัก.........สิบแปด



คนอะไร้....พอรู้จักตัวจริงแล้วมันช่างไม่เหมือนภาพที่ฉาบไว้ด้านนอกเลยแม้แต่น้อย




***********************************************

Unseen >>> Tbc.