Unseen-7 (ทัตซี)
“นี่ครับ พี่ทัตหาไอ้เจ้านี่อยู่หรือ”
ภูวดลยื่นแว่นตาว่ายน้ำให้คนที่กำลังยืนรื้อของในกระเป๋ากีฬา
แผ่นหลังกว้างสมาร์ทสมส่วนยืนโชว์สัดส่วนฟิตเปรี๊ยะ
สวมใส่แค่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียว
“ครับใช่ อยู่กับซีนี่เอง นึกว่าลืมเอามาซะอีก”
“พี่ลืมไว้ที่กระเป๋าผมเมื่อตอนมาว่ายกันครั้งที่แล้ว”
“เฮ้ยจริงป่ะ? แล้วมันหลงไปอยู่ในกระเป๋าซีได้ไงเนี่ย
พี่ว่าพี่หย่อนไว้ในกระเป๋าใบนี้นะ”
“จะไม่หลงได้ยังไงล่ะครับ
ก็กระเป๋ามันเหมือนกันซะขนาดนี้”
มันช่วยไม่ได้จริง ๆ เมื่อมองไปที่กระเป๋ากีฬาสีดำคาดขาวสองใบที่วางอยู่ข้างกัน
ไม่กี่วันที่แล้วทัตพลซื้อมาแล้วบังคับให้เขาต้องใช้ใส่ของไปว่ายน้ำเป็นเพื่อน เขาถามเหตุผลว่าทำไมต้องใช้เหมือนกันขนาดนี้
อีกฝ่ายเลยตอบกลับมาว่า ต้องใช้เป็นคู่มันถึงดูขลัง เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก
แต่อย่างไรเสียก็ยอมใช้มันอยู่ดี ขี้เกียจฟังคนเอาแต่ใจบ่นนั่นนี่
ถึงไม่ยอมใช้ก็ต้องบังคับเขาใช้เข้าจนได้
“ซีเข้าไปเปลี่ยนชุดสิ
พี่เรียบร้อยแล้วนะ” ทัตพลสั่งพลางปรับสายแว่นให้ได้ขนาดรู้สึกว่ายางมันจะเลื่อนต่ำลงมานิดหน่อย ภูวดลจึงหยิบกางเกงว่ายน้ำแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยน
พออกมามือใหญ่ก็ยื่นแว่นตาว่ายน้ำส่งให้
จับเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋าแล้วถือไปเก็บไว้ที่ล็อคเกอร์ คว้าเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่พับเรียงไว้ส่งให้คนข้างตัวอีกผืน
เขาสองคนเดินออกไปที่ริมสระด้วยกัน
“ผมว่ากางเกงพี่มันสั้นไปนะ”
ภูวดลเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกขัดตามากมายกับกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วของทัตพล
นี่มันเหมือนกับกางเกงชั้นในดีๆเลยเพียงแต่เป็นสีดำและหนากว่านิดหน่อยเท่านั้น เขาว่าพลางกวาดตามองดูบริเวณสระ วันนี้คนลงไม่ค่อยเยอะ
หกโมงเย็นแบบนี้แดดหุบว่ายได้สบาย ไม่ร้อน
“แบบนี้แหละว่ายสบายคล่องตัว
ของซีนั่นแหละเชยออก ยาวซะเกือบครึ่งขาแบบนั้น ไม่ใส่เป็นชุดกบดำน้ำเลยล่ะครับ”
ทัตพลแกล้งกระเซ้าเล่นเขาอดจะหัวเราะเบา
ๆ กับคำพูดหยอกล้อของตนเองไม่ได้ หากแต่ภูวดลดันคิดจริงจังก้มมองตัวเองทันที
นี่เขาโดนหาว่าเชยหรือนี่?
“เดี๋ยวพาไปซื้อแบบที่พี่ใส่ดีกว่า
เวลาเคลื่อนไหวร่างกายมันง่ายกว่า จะเล่นท่าอะไรๆแบบไหนก็สะดวก
ใส่แบบนี้เหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย ว่ายสบายสุด ๆ ”
“ไม่เอาหรอกครับ ผมชอบของผมแบบนี้”
“ป่ะ ลงกันเถอะ” เขาว่าแล้วพาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่พนักเก้าอี้ข้างสระ
ก่อนจะเลื่อนแว่นที่คล้องคออยู่ขึ้นมาใส่แล้วกระโดดลงสระว่ายพุ่งออกไปอย่างสวยงาม ทว่าภูวดลกลับยังยืนนิ่งอยู่
เขาหย่อนตัวนั่งลงที่ขอบสระ เลือกที่จะห้อยขาลงไปแกว่งน้ำเล่นแทน
จนทัตพลว่ายกลับมาแตะลงที่ขอบสระอีกครั้ง
“ไม่ลงอ่ะ?” เขาลูบหน้าสะบัดศีรษะไล่สายน้ำเย็น
“เดี๋ยวลงครับ พี่ทัตว่ายก่อนเถอะครับ”
“ได้ไงล่ะ ลงมาเดี๋ยวนี้เลยม่ะ” เขาว่าแล้วกระชากแขนที่เล็กกว่าลงสระทันที
ภูวดลตั้งตัวได้ก็ว่ายหนีเขาไม่รอช้าเหมือนกัน
“หนีให้ได้ตลอดล่ะ
อย่าให้จับได้เชียวนะ”
ทัตพลยิ้มเจ้าเล่ห์ว่าจบเขาสาวแขนในท่าฟรีสไตล์ว่ายตามคนด้านหน้าทันที
สองหนุ่มหล่อว่ายแข่งเล่นกันอยู่นาน
จนเหนื่อยจึงมาลอยตัวเท้าแขนเล่นอยู่ที่มุมหนึ่งของสระ
ใบหน้าหล่อคมคายแหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มมืด
“พรุ่งนี้เราไปเยี่ยมภัครเขาตอนเช้าเลยดีไหม
เดี๋ยวแวะซื้อของบำรุงสุขภาพไปฝากสักหน่อยดีกว่า รังนก? น่าเบื่อออก
เอาเป็นพวกผักผลไม้ปลอดสารพิษก็ดีนะ” เขาพึมพำอยู่คนเดียวแล้วหันไปถามความเห็นภูวดลปิดท้าย
“ถ้าอย่างนั้น ออกจากที่นี่เราแวะเข้าร้าน.....กันดีไหมครับ
ร้านนั้นมีแต่อาหารสุขภาพปลอดสารพิษ พวกผักผลไม้ ธัญพืชอะไรแบบนั้น
ผมว่าน่าจะดีกับคุณภัครท่าน เห็นทรายเปรยไว้ว่าผักปลอดสารแถวนั้นหายากมากเลย”
“ได้สิ เอาแบบนั้นก็ได้
ซีจัดการให้พี่ก็แล้วกันนะ”
“พี่ทัตว่ายพอรึยังครับ
เราขึ้นกันเลยดีไหม จะได้มีเวลาเลือกของนานหน่อย”
“ซื้อของเสร็จแล้วไปกินข้าวที่ไหนกันดี วันนี้กินข้างนอกเถอะนะ ซีเหนื่อยแล้วถ้ากลับไปยังต้องทำอาหารอีกคงจะหมดแรงแน่
วันนี้ ‘เรา’ ทานข้างนอกเลยก็แล้วกัน”
“ครับ”
ภูวดลพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
ไม่รู้เมื่อไหร่ความรู้สึกที่ว่าเมื่อทัตพลพูดคำว่า ‘เรา’ ออกมาแล้วเขาไม่รู้สึกแปลก ๆ อีก
เขาสองคนทานข้าวร่วมกันจนเป็นเรื่องปกติ บางครั้งที่ทัตพลกลับพังงา
ภูวดลกลับรู้สึกเหงาขึ้นมานิด ๆ ความรู้สึกกับคนๆนี้ไม่เหมือนความรู้สึกกับวาริน
และไม่เหมือนความรู้สึกกับขวัญข้าวเพื่อนสมัยเด็ก
แต่เป็นความรู้สึกแบบที่เขาเองก็บอกไม่ถูกเช่นกัน
“อาบพร้อมกันเลยนะ จะได้รีบไป
ซีเข้ามาเร็วเข้า” ทัตพลเดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำมือหมุนเปิดก๊อกฝักบัว
พยักหน้าเรียกภูวดลให้เข้าไปอาบด้วยกัน
“แชมพูของซีอยู่นี่ พี่ไม่ได้เอาของพี่มา
เดี๋ยวสระให้เข้ามาเร็ว”
เมื่อเห็นว่าภูวดลไม่ยอมตามเข้าไปเขาเลยออกมาดึงแขนอีกคนให้เข้าไปยืนอยู่ใต้สายน้ำฝักบัวเดียวกัน
“ทำอะไรน่ะครับ”
ภูวดลถอยหนีทันทีที่ทัตพลบีบแชมพูลงที่ศีรษะของเขา
“ก็สระผมไง ว่ายน้ำเสร็จเราก็ต้องสระผมทุกครั้งอยู่แล้ว
กลิ่นคลอรีนเหม็นออก”
เขาว่าแล้วเทแชมพูลงที่ศีรษะตัวเองบ้าง
ยีๆไม่กี่ครั้งฟองก็เต็มหัว
“ซีทำไมไม่ขยี้ผมล่ะ
น้ำยาไหลลงมาหมดแล้วเดี๋ยวก็เข้าตาหรอก”
มือใหญ่ยกขึ้นมายีหัวให้อีกคน ภูวดลที่ยังยืนอึ้งอยู่ทำอะไรไม่ถูก
เพราะว่าเคยชินกับการทำให้คนอื่น บริการคนอื่น ดูแลคนอื่น ไม่เคยมีใครดูแลและทำให้เขาถึงขนาดนี้มาก่อน
“สระให้พี่บ้างสิ”
ไม่รู้ไปไงมาไงตอนนี้สองหนุ่มอยู่ในสภาพหันหน้าเขาหากันแล้วสระผมให้กันและกันอยู่
ทัตพลดันตัวภูวดลให้เดินเข้าไปชิดผนังส่วนตัวเองยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเปิดก๊อกฝักบัวขึ้นมาอีกครั้ง
ฟองแชมพูไหลลงมาที่ผิวกายตึงแน่นจากเขาทั้งคู่ที่ยืนเบียดกันอยู่ในห้องอาบน้ำที่ไม่ใหญ่โตนัก ก่อนที่พรายฟองจากแชมพูกลิ่นหอมจะละลายกลายเป็นสายน้ำตกทิ้งไป
“หันมานี่มา เดี๋ยวพี่ไดร์ให้”
หลังอาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อยภูวดลยืนนิ่ง
มองคนตัวสูงพอ ๆ กับเขายืนไดร์ผมให้ตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก ทัตพลดูดีมากจริง ๆ
แม้แต่ตอนที่ไม่ได้แต่งตัวเซตผม เขาก็ยังคงความดูดีไว้ไม่เปลี่ยน
“ผมซียาวขึ้นนะ
พี่ว่ายาวขึ้นกว่าตอนที่เราเจอกันครั้งแรกอีกมั้งเนี่ย” เขาว่าแล้วจับผมภูวดลลองวัดความยาวเล่น
ๆ ภูวดลเป็นศิลปินเขาชอบไว้ผมให้ยาวลงมาถึงต้นคอ วารินเองก็ทำทรงคล้ายกัน
สองพี่น้องเวลาเดินไปด้วยกันจึงเหมือนพวกเด็กผู้ชายญี่ปุ่นไว้ผมยาวติสๆไม่มีผิด
“ผมพี่ทัตก็ยาวขึ้นเหมือนกันนั่นแหละครับ
พุงก็เพิ่มขึ้นด้วย แก่แล้วก็เงี๊ยะ” ภูวดลหรี่ตาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เขาผ่านกระจกเงาบานใส
เขารู้ทัตพลซีเรียสเรื่องรูปร่างเป็นพิเศษ เป็นผู้ชายที่รักษาหุ่นดีมาก
ทานข้าวก็ต้องกะปริมาณ อ้วนขึ้นนิดเดียวก็รีบชวนมาออกกำลังกาย
ไม่แตะต้องอาหารที่มีไขมันเลยแม้แต่น้อย
“ลงพุงที่ไหน! ไม่มี๊!!! แล้วอย่าพูดเรื่องความแก่หรืออายุนะ
คนเราคบกันไม่ว่าจะในฐานะอะไรเขาให้ดูกันที่หน้าตารู้เปล่า ดูซิเผลอๆพี่ว่าซีหน้าแก่กว่าพี่อีกนะเนี่ย”
เขาว่าแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ
อมยิ้มหน่อย ๆ กวาดตามองภูวดลผ่านกระจกอย่างคนเจ้าเล่ห์
ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับหน้ายุ่งเพราะโดนเขาเบรกกลับคืนแบบไม่ได้ทันตั้งตัว
มันก็จริงที่ว่าทัตพลหน้าเด็ก อยากจะเถียงก็เถียงไม่ทันปกติยิ่งเป็นคนเรื่อย ๆ
เอื่อย ๆ อยู่แล้ว
ทัตพลยักไหล่แกล้งไม่ใส่ใจ
เขาหันไดร์มาเป่าลงบนศีรษะตัวเองบ้าง เอาแค่หมาด ๆ สะบัดๆแล้วก็คว้าเอาผ้าเช็ดตัวใช้แล้วโยนลงในตะกร้า
หยิบกุญแจไปเปิดเอากระเป๋าในล็อคเกอร์ส่งให้ภูวดลหนึ่ง ของตัวเองอีกหนึ่ง
แล้วเขาสองคนก็ออกมาขึ้นรถที่จอดเข้าซองไว้อย่างดี พนักงานบริการโค้งให้อย่างสุภาพ
“โกรธอะไรพี่เนี่ย
นั่งเงียบมาตลอดทางเลยนะ” ตั้งแต่ออกมาจากสปอร์ตคลับ ภูวดลนั่งเงียบไม่พูดจากับเขาสักคำ
“เมื่อกี้พูดเล่นนะครับ
พี่ทัตหยอกเล่นซีอย่าคิดมากนะ ซีจะไปแก่กว่าพี่ได้ยังไง ดูสิ หน้าตาออกจะหล่อ
ยิ่งเวลาซีวาดรูปนะ ออร่างี้กระจุยกระจายอ่ะ พี่ทัตยังต้องหลบให้เลย”
ภูวดลส่ายหน้าช้า ๆ มองวิวข้างทาง นึกหน่ายคนข้าง
ๆ ผู้ชายหน้าตาดีที่อายุสามสิบเก้า หน้าตายี่สิบหก แต่ความคิดความอ่านน่าจะสัก.........สิบแปด
คนอะไร้....พอรู้จักตัวจริงแล้วมันช่างไม่เหมือนภาพที่ฉาบไว้ด้านนอกเลยแม้แต่น้อย
***********************************************
Unseen >>> Tbc.