Unseen-10 (ธารทราย)
-เช้าตรู่วันหนึ่งขณะวารินกับนับดาวกำลังจะไปจ่ายตลาด-
ต๊อก ต๊อก ต๊อก ต๊อก ต๊อก ต๊อก
เสียงคนเคาะกระจกรัวทางฝั่งคนนั่ง
วารินที่กำลังสตาร์ทรถอยู่รีบหันดู
ขณะที่นับดาวเห็นคนเคาะแล้วไม่รอช้าเปิดประตูรถก้าวลงไปทันที
“วันนี้ฉันจะไปตลาดกับพี่ทรายเอง”
เขาว่าแล้วก้าวขึ้นมานั่ง ปล่อยนับดาวยืนงงอยู่ข้างรถ
ขณะที่คนขับอย่างวารินหันมาจ้องเขานิ่ง ไม่เข้าใจ?
“พี่ออกรถสิ เดี๋ยวสายรถจะติดนะ”
“ธารจะไปซื้ออะไร
ฝากพี่กับดาวซื้อมาให้ก็ได้นี่ ตลาดเช้าคนเยอะ ร้อนด้วย ธารจะไหวเหรอ”
เพราะรู้ว่าเขาเป็นคนขี้ร้อน ขี้รำคาญ
วารินจึงไม่อยากให้เขาต้องไปผจญอากาศและผู้คนที่แออัดในตลาดช่วงเช้า
“ขับไปเหอะน่า” เขาว่าสบาย
ๆ เท้าแขนกับขอบประตู เสยผมยุ่ง ๆ ให้เข้าที่ เมื่อกี้เพราะรีบร้อนลุกขึ้น
แม้แต่น้ำก็ยังไม่ได้อาบ แปรงฟันล้างหน้าเสร็จรีบคว้าเอาเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมั่ว
ๆ ในตู้ออกมาใส่แล้ววิ่งออกมาเลย กลัวไม่ทันวาริน
วารินมองเขาแล้วชั่งใจครู่หนึ่งแต่ก็ยอมออกรถ
พอไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นหูเล็กแทบชาเพราะเสียงบ่น
เขาบ่นโน่นบ่นนี่ เดี๋ยวก็ว่าแอร์ในรถร้อนบ้างล่ะ
เดี๋ยวก็ว่าวารินขับรถไม่นิ่มบ้างล่ะ
ก็แน่ล่ะสิ รถกระบะเก่า ๆ
แบบนี้โช๊คมันจะไปนิ่มสู้เบนซ์ของเขาได้ยังไงกัน
ปากเขาบ่นไปมือเขาก็หมุนกระจกลงไปด้วย
“กระจกแบบนี้แย่จริง ๆ จะหมุนขึ้นลงแต่ละที
ดีนะมันไม่ติดมือผมออกมาด้วยเนี่ย” เขาว่าประชด ทำหน้าหงิกงอใส่บานประตู
“ใจเย็น ๆ สิธารค่อย ๆ หมุน” วารินปราม
เห็นอารมณ์เขาเสียเพราะต้องหมุนตัวเปิดกระจกที่สุดแสนจะฝืดแล้วกลัวใจเขาจริง
ๆ.... กลัวว่าเขาจะงัดไอ้ก้านตัวหมุนออกมาฟาดทิ้งลงข้างทาง
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าว่าง ๆ ไปซื้อใหม่สักคัน
ให้เตมันไปเลือกเอาเองเลย ไม่ไหวๆนั่งคันนี้ครั้งแรกมือไม้แทบแตก
นั่งไปได้ยังไงวิทยุก็จะพังมิพัง แอร์ก็เย็นบ้างร้อนบ้าง แถมกระจกยังฝืดแบบสุด ๆ อีก
แล้วนี่อะไรเวลาขับพี่ต้องใช้เบาะรองหลังด้วยเหรอเนี่ย หึหึหึ”
ไอ้คำบ่นช่วงแรกของเขาน่ะบ่นไปหน้าหงิกไปแต่พอมาพูดถึงว่า
วารินต้องใช้เบาะรองหลังเวลาขับรถ เขากลับหัวเราะเบา ๆ ออกมาเสียได้
จนวารินต้องหันไปทำตาเขียวใส่
คุณชายกำลังนั่งนวดมือของตัวเองคงจะช้ำไม่น้อยหลังจากตั้งหน้าตั้งตาหมุนกระจกแบบนั้น จริง
ๆ แล้วเขาเป็นผู้ชายที่มีมือสวยมาก เรียวนิ้วยาวขาวสะอาดมาก ๆ วารินเคยแอบมองแล้วคิดไปว่ามือเขาช่างเหมาะกับการทำหัตถการทางการแพทย์มากจริง
ๆ
“ธาร พี่ล่ะสงสัยจริง ๆ”
“เรื่องอะไร?”
“ธารใจร้อนแถมขี้โมโหแบบนี้ ต่อไปเป็นหมอธารจะทำยังไง
เผื่อคนไข้พูดอะไรไม่เข้าหูธารไม่ด่าเขาเปิงไล่ออกจากห้องตรวจเลยเหรอ
แล้วเผื่อต้องเย็บแผลทำแผลโดยใช้เวลานาน ๆ
ธารจะไม่รำคาญสอยเอาๆจนแผลคนไข้เสียรูปไปหมดเลยหรือไง”
“นี่พี่ทราย ผมน่ะเวลาเรียนหรือเข้าห้องปฏิบัติการขึ้นชื่อว่าใจเย็นที่สุดในห้องแล้วนะ
พี่จำไอ้ฟ่างได้ป่ะ ไอ้คนที่พี่เจอวันมาลงทะเบียนให้ผมน่ะ
เห็นมันใจเย็นเนิบๆแบบนั้น เวลาฝึกเย็บแผลนะมันสอยเอาๆจนหนังเทียมงี้กระจุยเลย ส่วนคนที่พี่ว่าใจร้อน
ๆ อย่างผมกลับได้รับคำชมจากอาจารย์ว่าเย็บแผลได้สวยและประณีตที่สุดนะครับ
นี่ไม่ได้คุยนะ เรื่องจริงทั้งหมด ที่ผมใจร้อนนี่ร้อนกับพี่คนเดียวเหอะ”
....ก็เพราะรู้ว่าวารินรักเขาถึงได้เอาแต่ใจด้วยไงล่ะ หึหึ...
ขณะที่คนขับอย่างวารินได้แต่หันมองเขาเป็นระยะๆด้วยสีหน้าที่เจื่อน
ๆ บอกไม่ถูก
ให้ตายเถอะ! คำพูดเจ้าเด็กนี่เชื่อถือได้แค่ไหนนะ
พอมาถึงตลาดคุณชายก็เดินหลบคนแทบจะไม่ทันเดี๋ยวเดินชนร่มแม่ค้าบ้างล่ะ
เพราะว่าเขาตัวสูงเดี๋ยวก็เดินไปชนแผงลอยบ้างล่ะถึงขนาดเกือบเดินชนหม้อแกงจืดขนาดใหญ่ดีที่วารินดึงเขาเอาไว้ได้ทัน
จู่ ๆ นึกอยากหยุดก็หยุดเดือดร้อนคนมาด้วยต้องเดินกลับมาลากแขนเขาไปเพราะกลัวว่าเขาจะหลง มากับเขาทำเอาวารินปวดหัวพูดขอโทษขอโพยแทบไม่ทัน
วารินเลือกซื้อทั้งของสดของแห้งรวมถึงผักสดต่าง ๆ
ตามรายการที่นับดาวเขียนเอาไว้ โดยมีคนตัวสูงใหญ่ข้าง ๆ
คอยถือถุงให้หนักแค่ไหนก็ไม่มีบ่น อดจะนึกไปถึงวันเก่า ๆ ไม่ได้ ตอนนั้นแค่ถุงเดียวเขายังไม่ยอมถือช่วยเลย
วารินเผลออมยิ้มออกมา
“พี่ทรายเดี๋ยวก่อน ผมอยากกินนี่อ่ะ” เขาคว้าไหล่เล็กไว้ ชี้ ๆ ไปที่ขนมฝักบัวทอดสีเขียวใบเตย มีคุณยายแก่ ๆ
นั่งทอดด้วยเตาถ่านอันเล็ก
“ขนมฝักบัวเนี่ยเหรอ” วารินหันถาม
“เอา 10 ชิ้นครับ” เขานั่งยอง ๆ ลง บอกกับคุณยายคนขาย วารินจึงนั่งลงข้าง ๆเขา
“ขอแบบขอบไม่ดำนะครับยาย” วารินพูดขึ้น คนขายมองหน้าแล้วยิ้มให้
“จ้า รอเดี๋ยวนะพ่อหนุ่ม ยายทอดได้ทีล่ะชิ้นเอง”
“ไม่เป็นไรครับ คุณยายทอดเถอะ ผมจะนั่งดู” กลิ่นใบเตยหอมโชยติดปลายจมูก เขายิ้มอบอุ่นแบบที่วารินเห็นไม่บ่อยนักให้คุณยายตรงหน้า
พักเดียวคุณยายก็จัดขนมใส่ใบตองที่กลัดไม้เป็นกระทงสี่เหลี่ยมแล้วยื่นให้ อีกส่วนหนึ่งใส่ถุงให้เขาหิ้วกลับไปทานที่บ้าน
ธาราธารอดปลื้มใจไม่ได้ที่ขนาดคนแก่ ๆ
ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านยังรู้จักแยกภาชนะที่บรรจุเพื่อให้เขาสามารถรับประทานตอนนี้เลยก็ได้หรือจะนำกลับไปทานที่บ้านด้วยก็ได้
เขายื่นมือไปรับ แล้วส่งแบงค์พันให้คุณยาย วารินรีบกระตุกชายเสื้อเขาทันทีเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของคนขาย
“ยายไม่มีทอนหรอกพ่อหนุ่ม ไม่มีใบย่อยเหรอจ๊ะ
แค่ห้าสิบบาทเอง”
“ไม่มีทอนก็ไม่ต้องทอนหรอกครับ คุณยายเก็บเอาไว้ซื้อเตาใหม่เถอะนะเก่ามากแล้ว
เดี๋ยวมันจะแตกใส่ขา แล้วจะบาดเจ็บได้นะครับ”
คุณยายคนขายยิ้มกว้างโชว์ฟันที่ค่อยร่อยหรอลงไปมากแล้ว
ก่อนที่เขาสองคนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกมา ธาราธารไม่ได้ว่าอะไรต่อจากนั้น
เขาก้มหน้าก้มตาสนใจถ้วยใบตองที่มีฝักบัวร้อน ๆ วางอยู่
“ทำไมไม่ลองกินดูล่ะธาร ท่าทางจะอร่อยนะ”
“ผมก็อยากกินนะ แต่คือ....” เขาว่าหน้าสลด เรียกให้วารินมองที่มือทั้งสองข้างของเขา
ข้างหนึ่งถือถุงผักสารพัดชนิด อีกมือก็ถือถ้วยใบตองนั่นท่าทางจะร้อนเอาการเสียด้วย
“เอามานี่มา เดี๋ยวพี่ถือเอง” วารินจะช่วยถือแต่เขาเบี่ยงของหลบออก
“ไม่ต้องหรอกถุงมันหนัก พี่เอาไอ้เจ้าถ้วยนี่ไปถือทีสิ” วารินรับถ้วยใบตองมาถือไว้
“ป้อนมาสิ อยากกินแล้ว” เขาไม่ยอมเดินต่อ
แต่ทำเสียงดื้อดึงอยากให้วารินป้อน
“ไม่เอา หยิบกินเองสิ อีกมือก็ว่างอยู่นั่นไง”
เรื่องอะไรจะป้อน กลางตลาดน่าอายจะตาย
“กินไม่เป็น กินยังไงหยิบกินได้ทั้งอันเลยเหรอ
ยังไง ทำยังไง หิว เร็วดิ่”
“อ้าว สรุปนี่ยังไม่เคยกินเหรอเนี่ย”
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ทำเอาวารินถึงกับงง
“ก็เห็นยายแกน่าสงสาร จะให้เงินเฉย ๆ มันก็แปลก
ๆ เลยหาเรื่องซื้อของแกไปอย่างนั้นแหละ ของแบบนี้ผมจะไปเคยกินตอนไหนกันล่ะ”
จบคำพูดเขาวารินรีบหันหลังให้ทันทีกลัวจะปิดรอยยิ้มไว้ไม่ไหว
เขามีด้านที่อ่อนโยนแบบนี้ด้วยหรือไงกัน แอบเก็บนิสัยแบบนี้ไว้ที่ไหนกันนะ
จู่ ๆ มือเล็กยัดขนมฝักบัวหนึ่งชิ้นเต็ม ๆ เข้าใส่ปากเขา
“โอ๊ยยยย อ๊ออออออน!!!” เสียงเขาโวยวายทั้งที่มีขนมชิ้นใหญ่ยัดอยู่เต็มปาก
วารินหัวเราะร่าสะใจที่ได้แกล้งคนอย่างเขาเล่น
****************************************************
Unseen
>>> Tbc.