Friday, April 11, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) พิเศษ Unseen 5 (ทัตซี)



Unseen-5 (ทัตซี)



“ครับ แล้วว่างๆพี่ซีจะแวะไปหานะ”


ภูวดลกดวางสายลงไป  วารินโทรมาบอกเขาว่าเมื่อคืนภัครจิราเข้าโรงพยาบาลเพราะอาการชักกะทันหันแต่ตอนนี้ไม่เป็นไรมากแล้ว เย็น ๆ เขากับธาราธารจะไปรับเธออกมาด้วยกัน ภูวดลจึงบอกเล่าเรื่องราวที่ได้รู้ให้กับทัตพลฟังด้วย


วันนี้คน ๆ นี้ก็มาอาศัยท้องที่บ้านเขาอีกตามเคย


“ซี ฉันอยากไปเยี่ยมภัครเขา ซีถือโอกาสไปหาทรายด้วยกันเลยดีไหม พรุ่งนี้เป็นไง ว่างหรือเปล่า”


“ไหนคุณว่าพรุ่งนี้คุณจะไปพังงาไงครับ”ภูวดลว่าแล้วเดินเข้าไปในครัว เขากำลังทำอาหารค้างอยู่


“จริงสิ ลืมไปเลย ยังไงดีล่ะทีนี้?” ทัตพลทำหน้าเหมือนคนกำลังคิดชั่งใจอย่างหนัก


“คุณภัครไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ ทรายเขาบอกว่าอาการชักแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ คุณหมอเลยบอกวิธีดูแลโดยละเอียดมาแล้ว ผมว่าคุณกลับมาแล้วค่อยไปหาเธอก็คงได้  แล้วแต่นะ...แล้วแต่คุณ”


“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเสาร์หน้าดีไหม ฉันกลับมาประมาณวันพุธไม่ก็พฤหัส รอไปพร้อมซีก็แล้วกัน”


“เสาร์อาทิตย์หน้าผมไม่ว่างนะครับ คุณไม่ต้องมาก็ได้ผมไปลงเรียนคอร์สเพิ่มเติมกับรุ่นพี่ที่ศูนย์ศิลป์ฯไว้ ถ้าคุณอยากไปวันไหนก็ไปเถอะครับ”


“ไม่เอาอ่ะ  ฉันจะรอไปพร้อมซี ไม่อยากไปคนเดียวนี่ เจ้าลูกชายฉันจะได้เกรงใจเธอไม่ไล่ตะเพิดฉันกลับอย่างคราวที่แล้วอีก อย่างน้อย ๆซีก็เป็นพี่ชายทรายเขา และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นถึงฉันจะเป็นห่วงภัครเขาแค่ไหนแต่ก็คงไม่อยู่ในฐานะที่จะใกล้ชิดกันได้อีกต่อไปแล้ว คนเลวที่ทิ้งลูกทิ้งเมียมาตั้งยี่สิบปี ซีคิดว่าฉันยังจะกล้าเข้าไปใกล้ชิดเขาสองแม่ลูกอีกอย่างนั้นหรือ”  มือที่กำลังหมุนเจ้ารูบิคอันเล็กหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเรื่องอดีตผุดขึ้นในหัว


“ฉันกำลังลงโทษคนที่ทำให้ภัครเขาต้องเป็นแบบนี้ด้วยวิธีการของฉันอยู่ มันคงยังไม่เหมาะหากว่าฉันจะเดินเข้าไปที่นั่นเพื่อขอเข้าไปดูภัครเขาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะคิดอย่างไรธารเขาต้องไม่ยอมรับฉันแน่นอนอยู่แล้ว”


“คุณก็เลยจะพาผมไปด้วย ใช้เป็นฉากบังหน้า เพราะกลัวตัวเองจะโดนไล่ตะเพิดออกมาอย่างนั้นหรือครับ”


“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ  ฉันแค่อยากชวนเธอไปด้วยเท่านั้นเอง คิดอะไรเนี่ย” เขามองไปที่ภูวดลทันทีที่ได้ยินอีกคนใช้น้ำเสียงจริงจังถาม


“งั้นอีกสองอาทิตย์เราไปด้วยกัน ระหว่างนั้นฉันจะโทรไปถามทรายเขาเรื่อย ๆว่าภัครเขาดีขึ้นบ้างไหม”


ภูวดลมองหน้าเขาแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ ขณะที่มือก็หั่นมะเขือเทศเรียงจัดใส่จานไว้ เมื่อก่อนเป็นวารินที่ชอบกินมะเขือเทศหั่นจิ้มซอสพริกมาก แต่ตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่ามะเขือเทศหั่นจะกลายเป็นเมนูโปรดของทัตพลไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะไปตลาดด้วยกันเมื่อไหร่เขาจะต้องรีบชี้ๆให้ภูวดลซื้อมะเขือเทศลูกใหญ่ ๆ ให้ทุกครั้ง


“เอ๊ะ! แต่เดี๋ยว เมื่อกี้ซีว่าจะไปเรียนอะไรเพิ่มกับรุ่นพี่ที่ไหนนะ”


“อ๋อ ที่ศูนย์ศิลป์ครับ เขาสอนเรื่องลงสีเพิ่มเติม ผมอยากได้เทคนิคแนวคิดจากเขาหน่อยเลยลองไปติดต่อไว้ เขาเลยนัดให้ไปเรียนเสาร์อาทิตย์หน้า”


“อืมม เสาร์อาทิตย์หน้างั้นหรือ??” เขาทำท่านึก


“เสาร์อาทิตย์หน้าฉันว่างนะ เดี๋ยวไปส่งให้ดีไหม? แถวนั้นมีร้านกาแฟที่ฉันติดใจอยู่ เดี๋ยวไปนั่งรอซีอยู่ที่นั่นก็แล้วกัน”


“ไม่ต้องหรอกครับ คุณจะไปด้วยทำไมกันรบกวนเปล่า ๆ”


“รบกวนที่ไหน เรารู้จักกันแล้ว สนิทสนมถึงขั้นฉันมาทานข้าวที่นี่เกือบทุกวัน นี่ยังเห็นฉันเป็นคนอื่นคนไกลอีกหรือไง”


“ไม่เอาหรอกครับ ผมเรียนเป็นครึ่ง ๆ วันคุณจะนั่งรออยู่ที่นั่นตลอดได้ยังไง”


“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่  ตามนี้ล่ะ”


เขาว่าแล้วหันไปสนใจรูบิคในมือเขาต่อ ของเล่นชิ้นใหม่ที่เขาเพิ่งได้มันมาจากตลาดเมื่อเช้าตอนยืนรอภูวดลซื้อของ เขาเห็นคนแก่ ๆ น่าสงสารหอบมันใส่ตะกร้ามาขาย คนรวยอย่างเขาเลยยื่นแบงค์พันส่งให้แล้วบอกไม่ต้องทอน


“ซี วันหลังไปเที่ยวพังงากับฉันสิ” จู่ ๆ เขาพูดขึ้น


“ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ชอบเที่ยวทะเล”


“เขาว่ากันว่าถ้าเราไม่ชอบอะไรก็จะได้อย่างนั้น  ฉันว่าเผลอๆต่อไปซีอาจจะได้ไปใช้ชีวิตแถว ๆ ทะเลก็ได้นะ” เขาว่าไปเรื่อยเหมือนคนพูดเล่น ไม่จริงจังอะไร


“จะให้ผมไปเป็นชาวเลหรือครับ หาปลามาทำกับข้าวให้คุณกินงั้นสิ”


“เธอพูดเองนะซี พูดแล้วทำให้ได้ด้วย” เขาละสายตาขึ้นมามอง


“ผมก็พูดไปเรื่อยแหละครับ  ใครจะมาทำกับข้าวให้คุณกินกัน คุณมีเงินก็ซื้อกินเองเถอะ”


“อะไรเนี่ยฉันแซวเล่นแค่นี้ต้องกระแทกเสียงใส่กันด้วย โกรธเหรอ??” เขาลุกขึ้นมาแล้ว


“เปล่านะครับ” ภวดลรีบก้าวถอยเมื่อเขารุกเข้าหา “คุณอย่าทำอะไรแบบนี้นะ”


“ทำไม!  ฉันกำลังจะทำอะไร ซีรู้ด้วย??” เขาจ้องอย่างเจ้าเล่ห์ แกล้งเดินเข้าหาใกล้จนเกือบชิด  ภูวดลถอยจนสะโพกชนกับเคาน์เตอร์ เขาเข้ามาประชิดแล้วเอื้อมมือมาจับเอาแก้วน้ำที่ถูกภูวดลยืนบังไว้อยู่ ดูแล้วเหมือนเขากอดอีกคนไว้ไม่มีผิด ภูวดลรีบมุดออกใต้ท้องแขนเขาทันที  ทัตพลอมยิ้ม อดจะขำไม่ได้


“กับข้าวเสร็จหรือยังหิวแล้วนะ”


“คุณก็มาช่วยสิครับ กวนผมอยู่แบบนี้จะได้ทานกันตอนไหน ผมเองก็หิวเหมือนกันนะ เอานี่! จานนี้เสร็จแล้ววางลงบนโต๊ะได้เลยแล้วคุณก็ครอบฝาชีไว้ด้วย”


“เมื่อไหร่ซีจะเรียกฉันว่าพี่ทัตเสียทีล่ะ  เรียกคุณแบบนี้ฉันรู้สึกแปลกๆนะ”


“ไม่เอาหรอกครับ เรียกแบบนั้นสิที่แปลกน่ะ”


“แปลกตรงไหน? ฉันเป็นพี่ ซีก็ต้องเรียกฉันว่าพี่ นี่คือถูกต้องที่สุดแล้วนะ ที่ไม่ยอมเรียกนี่เพราะซีคิดอะไรมากไปหรือเปล่า หืม?” เขาแกล้งว่าอีกฝ่าย ลอบมองปฏิกิริยาของภูวดล


“ผมเปล่าคิดนะ” ภูวดลโต้


“ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากก็เรียกซะ ฉันรอฟังอยู่”


ความเงียบเข้าปกคลุมห้องครัวทั้งห้องอีกครั้ง ทัตพลที่รอฟังกับภูวดลที่ไม่ยอมเอ่ยคำพูดอะไรต่ออีก


“ทานเลยนะ โอ้โหวันนี้มีแต่ของโปรดพี่ทัตทั้งนั้นเลย”


เขาเริ่มเรียกชื่อตัวเองแล้ว รอฟังอีกฝ่ายจะพูดออกมาว่ายังไง


“ก็ ค...คุณ....”


“ฮึ่มม...เรียกพี่ว่า พี่ทัต ไม่อย่างนั้นวันนี้พี่ไม่ยอมกลับจริงนะ ทานข้าวแล้วจะค้างที่นี่เลย”


ทัตพลขัดคอขึ้น พูดจาเอาแต่ใจแกมบังคับไปในตัว ภูวดลเงยหน้ามองเขาทันทีแทบจะอยากเขวี้ยงช้อนที่อยู่ในมือใส่ ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจที่เขาเป็นแขกและอายุมากกว่าแถมพ่วงความเอาแต่ใจเหมือนลูกชายเขาไม่มีผิด ขืนต่อปากต่อคำไปมีแต่จะเรื่องยาว


“พ...พี่ทัตจะกลับตอนไหนครับ กินข้าวเสร็จแล้วกลับเลยก็ดีนะ ฝนทำท่าจะตกแล้วด้วย”


ทัตพลขำแทบจะสำลัก พอเขาเรียกตัวเองว่าพี่เป็นครั้งแรกกลับเอ่ยปากไล่เขาเสียได้ ภูวดลที่พูดจบแล้วก้มหน้าก้มตากินไม่มองเขาอีก เสียงฟ้าคำรามดังมาให้ได้ยิน กลิ่นฝนลอยมาติดปลายจมูก ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลแล้วแน่ พักเดียวก็ตกเทลงมาอย่างแรง ภูวดลรีบวิ่งไปปิดประตูหน้าบ้านเพราะกลัวว่าฝนจะสาด ทัตพลที่กำลังช่วยเขาล้างจาน จึงเดินมาช่วยงับหน้าต่างลงอีกแรง


ไฟกระพริบ ๆ เหมือนทำท่าว่าจะดับ


“เดี๋ยวรอฝนซาสักหน่อยแล้วพี่ไปเลื่อนรถมาจอดไว้ด้านในดีกว่า พรุ่งนี้ซีไปส่งพี่ที่สนามบินแต่เช้านะ เอารถจอดไว้ที่นี่เลยก็แล้วกัน”


“นี่ตกลงคุณทะ  เอ้ย  พี่ทัตจะค้างที่นี่อีกเหรอครับ”



“ค้างสิครับ  ฝนตกหนักแบบนี้อย่าบอกว่าจะใจร้ายให้พี่ขับรถกลับคอนโดนะครับซี”



*****************************************************


Unseen >>> Tbc.