Unseen-11(ทัตซี)
-เมื่อวันที่ภูวดลมาพังงากับเขาเป็นครั้งแรก-
“เราจะนอนกันที่นี่เหรอครับ”
“ใช่ครับ ที่นี่ออฟฟิศ พี่มาทีไรก็พักแต่ที่นี่
หรือซีอยากจะพักที่ห้องอื่น”
ทัตพลถอดเสื้อนอกแล้วพาดลงที่พนักเก้าอี้โต๊ะทำงานตัวใหญ่
ออฟฟิศเล็ก ๆ สองชั้น อยู่ที่ล็อบบี้ด้านหน้า รีสอร์ตยิ่งใหญ่สวยงามแต่ออฟฟิศของเจ้าของที่แท้จริงอย่าหวังว่าจะมองเห็นวิวทะเล ภูมิทัศน์ดี ๆ แบบนั้นเก็บไว้สร้างห้องพักให้บรรดาลูกค้า
เรียกเงินทองเข้าธุรกิจได้มากกว่า
“เปล่าครับ”
ถึงปากจะบอกว่าเปล่า แต่สีหน้าจืดลงอย่างเห็นได้ชัด มีอย่างที่ไหนบอกเขาว่าจะพามาเที่ยวทะเลดูที่พักบรรยากาศดี
ๆ แล้วนี่อะไร มองซ้ายก็ตู้เอกสาร มองขวาก็โต๊ะทำงาน นี่ขนาดห้องนอน
ยังไม่นับชั้นล่างที่มีผู้ช่วยอีกสองคนนั่งเช็คงานที่โต๊ะบัญชีให้เขาอยู่
“คืนนี้จะนอนไหนดีน้า” เขาพูดยิ้ม ๆ แกล้งเดินไปส่อง ๆ
ปัดๆ ดูที่เตียง
เตียงเดี่ยว!
ทำไมภูวดลเพิ่งสังเกตเห็นกันนะ
ทั้งที่วางอยู่กลางห้องแท้ ๆ
“ต....เตียงแบบนี้แล้วเราจะนอนกันยังไงครับ”
“ไม่แคบมากนะซี พี่นอนไม่ดิ้นหรอก สองคนเบียด
ๆกันหน่อยคงพอได้”
เขาว่าแล้วลองขึ้นไปนอน ทำทีขอวัดขนาด
“ซีลองมานอนคู่กันสิ มันจะแคบไหม”
“ไม่เอาหรอกครับ”
แค่ดูก็รู้เหลือที่อยู่แค่นั้นมิวายโดนเจ้าลุงโรคจิตนี่นอนกอดไว้ทั้งคืนอีกแน่
“เดี๋ยวค่อยคิดอีกทีละกัน
ออกไปทานข้าวกันก่อนดีกว่าหิวแล้วอ่ะ”
เขาสองคนลงเครื่องบ่ายสี่โมงครึ่งกว่าจะต่อรถมาถึงที่นี่ปาเข้าไปเกือบหกโมง ทัตพลพาเขาเดินมาที่บาร์หน้าหาด
ไฟสีส้มเริ่มถูกจุดขึ้นแล้ว นักท่องเที่ยวมีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้น
“กินกันที่นี่หรือจะไปดินเนอร์ตรงโน้น”
เขาชี้มือไปที่ระเบียงไม้ที่ยื่นลงไปริมทะเล
มีโต๊ะดินเนอร์ประมาณสิบโต๊ะถูกจัดวางไว้บรรยากาศดูโรแมนติกมาก แสงเทียนเล็ก ๆ ถูกจุดไว้โดยมีแก้วใสครอบลงอีกที
“กินตรงโน้นละกัน”
สีหน้าของภูวดลคงแทนคำตอบเรียบร้อยเพราะทัตพลเดินนำเขาไปที่โต๊ะตัวแรกสุด
ที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้พรั่งพร้อม
“นั่งสิ” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ
ภูวดลเขินเล็กน้อยแต่ช่วงนี้เริ่มชินเพราะทัตพลเทคแคร์เขาบ่อย
“พี่ทัตเซตทุกอย่างไว้ที่นี่อยู่แล้ว
ทำไมยังถามว่าผมอยากจะนั่งกินที่ไหน”
“ถามไปงั้นแหละ ซีตอบอะไรมาพี่ก็พามานั่งกินที่นี่อยู่ดี”
“กวน” ภูวดลว่าเขาตาเขียว
เขายกไวน์ขึ้นจิบ มองหน้าคนตรงข้ามยิ้ม ๆ ภูวดลจึงพยักหน้าเรียกเชิงว่ามานี่
เขาจึงเลิกคิ้วสงสัยว่าภูวดลพยักหน้าทำไม
“มานั่งด้วยกันสิครับ
นั่งฝั่งนั้นจะมองเห็นทะเลได้ชัดยังไงกัน”
เขาย้ายก้นมาทันทีไม่ต้องให้บอกซ้ำ
ขยับมือขอชนแก้วกับอีกคน ภูวดลเองก็ไม่อิดออด
ไวน์รสนุ่มลิ้นถูกสองหนุ่มจิบลงคอไม่เร็วนัก บรรยายกาศยามค่ำริมหาดสวยอากาศแสนสบาย
จนกระทั่งลมทะเลยามดึกพัดหอบเอาความหนาวเย็นเขามาแตะต้องผิวกาย
“อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ เข้าข้างในกันเถอะ”
เขาว่าแล้วลุก ฉุดมืออีกคนให้ลุกขึ้นมาด้วยกัน
“ที่นี่สวยนะครับ
วิวดีมากเลยติดทะเลแล้วยังเป็นส่วนปลายของภูเขาอีก”
“ชอบที่นี่ไหม”
“ชอบสิครับ”
“มาอยู่ด้วยกันไหม”
เขาคว้าเอามือเที่เล็กกว่าของอีกคนมาจับไว้ ทำทีไม่รู้เรื่องเดินนำไปตามทางเดินเล็ก
ๆ ตัดผ่านไปยังออฟฟิศส่วนตัว
“อะไรนะครับ” ภูวดลไม่ได้ยิน
สงสัยเสียงเพลงจะดังขึ้นช่วงนั้นพอดีเกินไปหน่อย
ทัตพลอดขำไม่ได้อุตส่าห์ตั้งใจอยากโรแมนติก
“เปล่า จริง ๆ
แล้วพี่เตรียมห้องให้เราไม่ทัน
ซีเล่นตอบตกลงว่าจะมาเมื่อเช้า พอพี่โทรมาเด็กๆเขาก็บอกห้องดี ๆ เต็มหมด
เพราะงั้นคืนนี้ต้องทนนอนที่นี่ไปก่อนนะครับ” เขาไขกุญแจเข้าไปด้านใน
จูงมือภูวดลไม่ยอมปล่อยพาขึ้นบันไดเล็ก ๆ ไปที่ชั้นสอง
“งั้นให้พนักงานเอาที่นอนมาเพิ่มดีไหมครับ
เดี๋ยวผมนอนหน้าเตียงเอง”
“ที่นอนเสริมก็หมด” ทัตพลทิ้งตัวนั่งลงที่เตียง แน่นอนว่าเขาโกหก
รีสอร์ตระดับนี้เตียงเสริมหมดก็แย่แล้ว
“แล้วจะเอาไง”
“ก็นอนด้วยกัน” เขาว่าแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำทันที
ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำเดินออกมาทั้งที่มีผ้าขนหนูผืนเดียว ภูวดลอย่างงงปกติทัตพลเป็นคนอาบน้ำนานมากไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงทำไมคราวนี้เร็วผิดปกติ
“หนาว” เขารีบบอก แต่นั่นจะใช่คำแต่ตัวจริง ๆ งั้นเหรอ??
“งั้นผมเข้าไปอาบนะ พี่ทัตอาบเสร็จแล้วแน่นะครับ”
ภูวดลใช้เวลาอาบน้ำตามปกติ พอออกมาก็สวมใส่ชุดนอนเรียบร้อย
ห้องนอนว่างเปล่า เจ้าของห้องหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาจึงย่องลงมาที่ชั้นล่าง
ออฟฟิศห่างจากหน้าหาดไม่มากนัก เสียงเพลงเบา ๆ ยังดังลอดเข้ามาไม่ขาดหู ที่ชั้นล่างทัตพลก็ไม่อยู่
ภูวดลเปิดประตูออกมาที่ด้านนอก
“ซี”
“เฮ้ย!” ภูวดลอุทานขึ้น
เขาตกใจมากเมื่อจู่ ๆ ได้ยินเสียงเรียก
ทัตพลนั่งอยู่ในที่มืด ๆม้าไม้ใต้ต้นลีลาวดีต้นใหญ่
“มานั่งนี่สิ
ตกใจเหรอขอโทษนะ”
“พี่ทัตไม่ง่วงเหรอครับ ดึกมากแล้วนะ” ภูวดลนั่งลงข้าง ๆกำลังตั้งใจฟังว่าที่หน้าหาดเปิดเพลงอะไร
ดนตรีเพราะมากๆ
“นอนไม่หลับน่ะ”
ตื่นเต้น
“ทำไมครับ หรือว่าอึดอัดที่ต้องแชร์ห้องกับผม”
“เรานี่เป็นคนช่างพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หืม”
ถึงบริเวณโดยรอบจะมืดมากแต่ภูวดลก็เห็นสายตาที่มองมาจากเขาอยู่ดี
มันหวานฉ่ำเสียจนเขาต้องรีบเบนหน้าหลบ
“ขอโทษครับ ผมไม่รู้จะคุยอะไรกับพี่นี่เห็นท่าทางไม่สบายใจ
ผมก็นึก...”
“นึกอะไร? นึกอย่างที่พูดออกมาน่ะหรือ”
“เปล่าหรอกครับ
ผมรู้ว่าพี่ทัตไม่ได้คิดอย่างนั้นอยู่แล้ว”
“เข้าใจก็ดีแล้ว
เราแชร์เตียงกันออกจะบ่อยพี่จะไปคิดเรื่องแบบนั้นได้ยังไง
ที่คิดมากน่ะคือมันตื่นเต้นมากกว่าก็เลยพาลให้นอนไม่หลับ”
“ตื่นเต้น??”
“ใช่ เนี่ย ใจเต้นตึกตึกเลยนะ” เขาคว้าเอามือของภูวดลขึ้นมาทาบลงที่หัวใจ
ใจเขาเต้นแรงมากจริง ๆ
“ได้ยินเสียงไหม มันเต้นดังด้วยนะ”
“ตื่นเต้นเรื่องอะไรกันครับ”
“ดีใจน่ะ...... ป่ะ เข้านอนกันเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดูรีสอร์ตของธารเขา”
สรุปแล้วภูวดลก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเขาตื่นเต้นเรื่องอะไร
เพราะตอนนี้เขาลากแขนอีกคนเข้ามาด้านในแล้วเรียบร้อย
“รีสอร์ตที่พี่ทัตยกให้ธารเมื่อตอนนั้นน่ะเหรอครับ”
ก่อนหน้านี้ในวันเกิดครบรอบอายุ 22 ปี ของธาราธารเขามอบของขวัญที่ตั้งใจที่สุดให้กับลูกชายคนเดียวของเขา
เฝ้าภาวนาอย่าให้คนรับปฏิเสธ
เหตุการณ์ไม่ดีหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาบัดนี้ถูกลมพายุพัดหอบปลิวหาย
วันเวลาพิสูจน์ใจคนได้ทีละน้อย จนในที่สุดธาราธารก็ยอมรับมันไว้
“นอนได้นะ เบียดๆนิดหนึ่ง พรุ่งนี้ไปเลือกเตียงแล้วกัน มีแคตตาล็อกอยู่ข้างล่าง
จะได้สั่งเข้ามาพร้อมกับของลูกค้าเลย มีเตียงต้องเปลี่ยนอยู่พอดี”
ภูวดลขยับขึ้นมานอนใกล้เขา
ทัตพลนอนตะแคงกอดเขาไว้ได้พอดี
“อย่าอ้วนไปกว่านี้นะ พี่กอดไม่มิดนะบอกไว้ก่อน”
“ผมไม่เคยอ้วนหรอกครับ มีแต่คุณนั่นแหละ”
“อ้าว ๆ พูดแบบนี้ต่อยกันเลยดีกว่า”
เขาเป็นคนที่ซีเรียสเรื่องรูปร่างไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ
“ครับ ๆ พี่ทัตหล่อที่สุด หุ่นก็ดีที่สุดด้วย” แน่นอนภูวดลประชด
ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เหอะ
“ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว”
“หึหึหึ”
ภูวดลแอบขำ “นอนเถอะครับ”
ทัตพลใช้ปลายจมูกโด่งลอบสูดความหอมที่กลุ่มผมนุ่มละมุน
กลิ่นกายหอมแบบธรรมชาติจากภูวดลทำให้เขาสบายใจทุกครั้งที่ได้กอดคน ๆ นี้ไว้
“ซี”
“ครับ”
“ชีวิตของพี่ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมาเยอะ
บอกไม่ได้หรอกนะว่าช่วงชีวิตที่ดีที่สุดคือช่วงไหน แต่วันนี้พี่อยากขอบคุณนะครับที่ซีเข้ามาเป็นส่วนดี
ๆ ส่วนหนึ่งในชีวิตของพี่ เติมเต็มในส่วนที่พี่ขาดหาย
นึกว่าจะไม่มีเพื่อนที่รู้ใจใช้ชีวิตไปด้วยกันจนแก่เสียแล้ว”
“ใครบอกว่าผมจะใช้ชีวิตไปด้วยกันกับพี่จนแก่”
ภูวดลหน้าแดงก่ำ ทัตพลกระชับอ้อมกอดเข้ามาอีก
“ก็พี่บอกอยู่นี่ไง จะต้องให้ใครมาบอกอีกครับ หืม”
“พี่ทัตขี้โกง ทึกทักเอาเองทั้งนั้น
ผมยังมีทรายที่ต้องดูแลอีกทั้งคน เราสองคนสัญญากันไว้แล้วไม่ว่ายังไงเราไม่ทิ้งกัน”
“ทรายเขาก็มีธารอยู่แล้ว เจ้าลูกชายพี่น่ะ
มันไม่มีวันยอมปล่อยมือจากน้องชายซีแน่ ๆ ทั้งรักทั้งหลงขนาดนั้น ดูซิถึงขนาดยอมเป็นพ่อทูนหัวเพื่อที่จะให้ทรายมีลูกชายเป็นของตัวเอง
มีลูกก็จะได้มีข้อผูกมัด แค่นี้ทรายก็ไปไหนจากเจ้าธารไม่ได้แล้ว
แบบนี้ไม่เรียกว่ารักมากแล้วเรียกว่าอะไร”
“จะว่าไปผมก็คิดถึงหลานเหมือนกันนะครับ
น้องขิงน่ารักมากจริง ๆ นี่”
“จะมีด้วยกันสักคนไหมล่ะ”
“พูดอะไรน่ะครับ”
“เปล๊า! ยังไม่ได้พูดอะไรเล้ย นอนเหอะ
นอนๆ”
“ซี”
“ครับ” ตกลงจะได้นอนไหม
“อยากได้สัญญาแบบนั้นบ้าง”
“แบบไหนครับ”
“แบบที่ซีสัญญาไว้กับทรายน่ะ ให้พี่แบบนั้นบ้างสิ”
“พี่ทัตจะเอาแบบนั้นจริง ๆ หรือครับ”
“อือฮึ
อยากได้อ่ะ”
“แต่นั่นมันสัญญาระหว่างพี่กับน้องนะครับ ถ้าอยากได้จริง
ๆ เดี๋ยวผมจะ.......”
“โอ้ สต๊อปๆ ไม่เอาแล้วดีกว่า สัญญาอะไรนั่นไม่เห็นน่าสนใจตรงไหนเลย
เดี๋ยวไว้ซีค่อยหาคำพูดเท่ ๆ มาพูดกับพี่ใหม่ดีกว่า ไม่เอาเหมือนของทรายนะ
บอกไว้เลย”
“โอ๊ย!!” เสียงภูวดลอุทานขึ้นอย่างดัง “กัดทำไมครับ ไหล่เป็นรอยแน่เลย
เล่นอะไรเนี่ย”
ทัตพลเงียบแกล้งหลับตาพริ้มไม่ตอบคำถาม
.....เพราะหมั่นเขี้ยว อยากฟัด
แต่มันทำไม่ได้ ถึงได้กัดไง......จ้างให้ก็ไม่บอก!
******************************************************
Unseen
>>> Tbc.