Monday, May 5, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) Unseen 11 (ทัต-ซี)




Unseen-11(ทัตซี)



-เมื่อวันที่ภูวดลมาพังงากับเขาเป็นครั้งแรก-



“เราจะนอนกันที่นี่เหรอครับ”


“ใช่ครับ ที่นี่ออฟฟิศ พี่มาทีไรก็พักแต่ที่นี่ หรือซีอยากจะพักที่ห้องอื่น”


ทัตพลถอดเสื้อนอกแล้วพาดลงที่พนักเก้าอี้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ออฟฟิศเล็ก ๆ สองชั้น อยู่ที่ล็อบบี้ด้านหน้า รีสอร์ตยิ่งใหญ่สวยงามแต่ออฟฟิศของเจ้าของที่แท้จริงอย่าหวังว่าจะมองเห็นวิวทะเล   ภูมิทัศน์ดี ๆ แบบนั้นเก็บไว้สร้างห้องพักให้บรรดาลูกค้า เรียกเงินทองเข้าธุรกิจได้มากกว่า


“เปล่าครับ”


ถึงปากจะบอกว่าเปล่า แต่สีหน้าจืดลงอย่างเห็นได้ชัด มีอย่างที่ไหนบอกเขาว่าจะพามาเที่ยวทะเลดูที่พักบรรยากาศดี ๆ แล้วนี่อะไร มองซ้ายก็ตู้เอกสาร มองขวาก็โต๊ะทำงาน นี่ขนาดห้องนอน ยังไม่นับชั้นล่างที่มีผู้ช่วยอีกสองคนนั่งเช็คงานที่โต๊ะบัญชีให้เขาอยู่


“คืนนี้จะนอนไหนดีน้า” เขาพูดยิ้ม ๆ แกล้งเดินไปส่อง ๆ ปัดๆ ดูที่เตียง


เตียงเดี่ยว!


ทำไมภูวดลเพิ่งสังเกตเห็นกันนะ ทั้งที่วางอยู่กลางห้องแท้ ๆ


“ต....เตียงแบบนี้แล้วเราจะนอนกันยังไงครับ”


“ไม่แคบมากนะซี พี่นอนไม่ดิ้นหรอก สองคนเบียด ๆกันหน่อยคงพอได้”


เขาว่าแล้วลองขึ้นไปนอน ทำทีขอวัดขนาด “ซีลองมานอนคู่กันสิ มันจะแคบไหม”


“ไม่เอาหรอกครับ” แค่ดูก็รู้เหลือที่อยู่แค่นั้นมิวายโดนเจ้าลุงโรคจิตนี่นอนกอดไว้ทั้งคืนอีกแน่


“เดี๋ยวค่อยคิดอีกทีละกัน ออกไปทานข้าวกันก่อนดีกว่าหิวแล้วอ่ะ”


เขาสองคนลงเครื่องบ่ายสี่โมงครึ่งกว่าจะต่อรถมาถึงที่นี่ปาเข้าไปเกือบหกโมง   ทัตพลพาเขาเดินมาที่บาร์หน้าหาด ไฟสีส้มเริ่มถูกจุดขึ้นแล้ว นักท่องเที่ยวมีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้น


“กินกันที่นี่หรือจะไปดินเนอร์ตรงโน้น” เขาชี้มือไปที่ระเบียงไม้ที่ยื่นลงไปริมทะเล มีโต๊ะดินเนอร์ประมาณสิบโต๊ะถูกจัดวางไว้บรรยากาศดูโรแมนติกมาก แสงเทียนเล็ก ๆ ถูกจุดไว้โดยมีแก้วใสครอบลงอีกที 


“กินตรงโน้นละกัน” สีหน้าของภูวดลคงแทนคำตอบเรียบร้อยเพราะทัตพลเดินนำเขาไปที่โต๊ะตัวแรกสุด ที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้พรั่งพร้อม


“นั่งสิ” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ ภูวดลเขินเล็กน้อยแต่ช่วงนี้เริ่มชินเพราะทัตพลเทคแคร์เขาบ่อย


“พี่ทัตเซตทุกอย่างไว้ที่นี่อยู่แล้ว ทำไมยังถามว่าผมอยากจะนั่งกินที่ไหน”


“ถามไปงั้นแหละ ซีตอบอะไรมาพี่ก็พามานั่งกินที่นี่อยู่ดี”


“กวน” ภูวดลว่าเขาตาเขียว


เขายกไวน์ขึ้นจิบ มองหน้าคนตรงข้ามยิ้ม ๆ ภูวดลจึงพยักหน้าเรียกเชิงว่ามานี่  เขาจึงเลิกคิ้วสงสัยว่าภูวดลพยักหน้าทำไม


“มานั่งด้วยกันสิครับ นั่งฝั่งนั้นจะมองเห็นทะเลได้ชัดยังไงกัน”


เขาย้ายก้นมาทันทีไม่ต้องให้บอกซ้ำ ขยับมือขอชนแก้วกับอีกคน ภูวดลเองก็ไม่อิดออด ไวน์รสนุ่มลิ้นถูกสองหนุ่มจิบลงคอไม่เร็วนัก บรรยายกาศยามค่ำริมหาดสวยอากาศแสนสบาย  จนกระทั่งลมทะเลยามดึกพัดหอบเอาความหนาวเย็นเขามาแตะต้องผิวกาย


“อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ เข้าข้างในกันเถอะ”


เขาว่าแล้วลุก ฉุดมืออีกคนให้ลุกขึ้นมาด้วยกัน


“ที่นี่สวยนะครับ วิวดีมากเลยติดทะเลแล้วยังเป็นส่วนปลายของภูเขาอีก”


“ชอบที่นี่ไหม”


“ชอบสิครับ”


“มาอยู่ด้วยกันไหม” เขาคว้าเอามือเที่เล็กกว่าของอีกคนมาจับไว้ ทำทีไม่รู้เรื่องเดินนำไปตามทางเดินเล็ก ๆ ตัดผ่านไปยังออฟฟิศส่วนตัว


“อะไรนะครับ” ภูวดลไม่ได้ยิน สงสัยเสียงเพลงจะดังขึ้นช่วงนั้นพอดีเกินไปหน่อย ทัตพลอดขำไม่ได้อุตส่าห์ตั้งใจอยากโรแมนติก


“เปล่า  จริง ๆ แล้วพี่เตรียมห้องให้เราไม่ทัน  ซีเล่นตอบตกลงว่าจะมาเมื่อเช้า พอพี่โทรมาเด็กๆเขาก็บอกห้องดี ๆ เต็มหมด เพราะงั้นคืนนี้ต้องทนนอนที่นี่ไปก่อนนะครับ” เขาไขกุญแจเข้าไปด้านใน จูงมือภูวดลไม่ยอมปล่อยพาขึ้นบันไดเล็ก ๆ ไปที่ชั้นสอง


“งั้นให้พนักงานเอาที่นอนมาเพิ่มดีไหมครับ เดี๋ยวผมนอนหน้าเตียงเอง”


“ที่นอนเสริมก็หมด” ทัตพลทิ้งตัวนั่งลงที่เตียง  แน่นอนว่าเขาโกหก รีสอร์ตระดับนี้เตียงเสริมหมดก็แย่แล้ว


“แล้วจะเอาไง”


“ก็นอนด้วยกัน” เขาว่าแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำทันที ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำเดินออกมาทั้งที่มีผ้าขนหนูผืนเดียว ภูวดลอย่างงงปกติทัตพลเป็นคนอาบน้ำนานมากไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงทำไมคราวนี้เร็วผิดปกติ


“หนาว” เขารีบบอก แต่นั่นจะใช่คำแต่ตัวจริง ๆ งั้นเหรอ??   


“งั้นผมเข้าไปอาบนะ พี่ทัตอาบเสร็จแล้วแน่นะครับ”


ภูวดลใช้เวลาอาบน้ำตามปกติ พอออกมาก็สวมใส่ชุดนอนเรียบร้อย ห้องนอนว่างเปล่า เจ้าของห้องหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาจึงย่องลงมาที่ชั้นล่าง ออฟฟิศห่างจากหน้าหาดไม่มากนัก เสียงเพลงเบา ๆ ยังดังลอดเข้ามาไม่ขาดหู  ที่ชั้นล่างทัตพลก็ไม่อยู่ ภูวดลเปิดประตูออกมาที่ด้านนอก


“ซี”


“เฮ้ย!”  ภูวดลอุทานขึ้น เขาตกใจมากเมื่อจู่ ๆ ได้ยินเสียงเรียก  ทัตพลนั่งอยู่ในที่มืด ๆม้าไม้ใต้ต้นลีลาวดีต้นใหญ่


“มานั่งนี่สิ  ตกใจเหรอขอโทษนะ”


“พี่ทัตไม่ง่วงเหรอครับ ดึกมากแล้วนะ” ภูวดลนั่งลงข้าง ๆกำลังตั้งใจฟังว่าที่หน้าหาดเปิดเพลงอะไร ดนตรีเพราะมากๆ


“นอนไม่หลับน่ะ”   ตื่นเต้น


“ทำไมครับ หรือว่าอึดอัดที่ต้องแชร์ห้องกับผม”


“เรานี่เป็นคนช่างพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หืม”


ถึงบริเวณโดยรอบจะมืดมากแต่ภูวดลก็เห็นสายตาที่มองมาจากเขาอยู่ดี มันหวานฉ่ำเสียจนเขาต้องรีบเบนหน้าหลบ


“ขอโทษครับ ผมไม่รู้จะคุยอะไรกับพี่นี่เห็นท่าทางไม่สบายใจ ผมก็นึก...”


“นึกอะไร? นึกอย่างที่พูดออกมาน่ะหรือ”


“เปล่าหรอกครับ ผมรู้ว่าพี่ทัตไม่ได้คิดอย่างนั้นอยู่แล้ว”


“เข้าใจก็ดีแล้ว เราแชร์เตียงกันออกจะบ่อยพี่จะไปคิดเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ที่คิดมากน่ะคือมันตื่นเต้นมากกว่าก็เลยพาลให้นอนไม่หลับ”


“ตื่นเต้น??”


“ใช่ เนี่ย ใจเต้นตึกตึกเลยนะ” เขาคว้าเอามือของภูวดลขึ้นมาทาบลงที่หัวใจ ใจเขาเต้นแรงมากจริง ๆ


“ได้ยินเสียงไหม มันเต้นดังด้วยนะ”


“ตื่นเต้นเรื่องอะไรกันครับ”


“ดีใจน่ะ...... ป่ะ เข้านอนกันเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดูรีสอร์ตของธารเขา”


สรุปแล้วภูวดลก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเขาตื่นเต้นเรื่องอะไร เพราะตอนนี้เขาลากแขนอีกคนเข้ามาด้านในแล้วเรียบร้อย


“รีสอร์ตที่พี่ทัตยกให้ธารเมื่อตอนนั้นน่ะเหรอครับ”


ก่อนหน้านี้ในวันเกิดครบรอบอายุ 22 ปี ของธาราธารเขามอบของขวัญที่ตั้งใจที่สุดให้กับลูกชายคนเดียวของเขา เฝ้าภาวนาอย่าให้คนรับปฏิเสธ เหตุการณ์ไม่ดีหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาบัดนี้ถูกลมพายุพัดหอบปลิวหาย วันเวลาพิสูจน์ใจคนได้ทีละน้อย จนในที่สุดธาราธารก็ยอมรับมันไว้


“นอนได้นะ เบียดๆนิดหนึ่ง พรุ่งนี้ไปเลือกเตียงแล้วกัน มีแคตตาล็อกอยู่ข้างล่าง จะได้สั่งเข้ามาพร้อมกับของลูกค้าเลย มีเตียงต้องเปลี่ยนอยู่พอดี”


ภูวดลขยับขึ้นมานอนใกล้เขา ทัตพลนอนตะแคงกอดเขาไว้ได้พอดี


“อย่าอ้วนไปกว่านี้นะ พี่กอดไม่มิดนะบอกไว้ก่อน”


“ผมไม่เคยอ้วนหรอกครับ มีแต่คุณนั่นแหละ”


“อ้าว ๆ พูดแบบนี้ต่อยกันเลยดีกว่า” เขาเป็นคนที่ซีเรียสเรื่องรูปร่างไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ 


“ครับ ๆ พี่ทัตหล่อที่สุด หุ่นก็ดีที่สุดด้วย” แน่นอนภูวดลประชด ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เหอะ


“ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว”


“หึหึหึ” ภูวดลแอบขำ “นอนเถอะครับ”


ทัตพลใช้ปลายจมูกโด่งลอบสูดความหอมที่กลุ่มผมนุ่มละมุน กลิ่นกายหอมแบบธรรมชาติจากภูวดลทำให้เขาสบายใจทุกครั้งที่ได้กอดคน ๆ นี้ไว้


“ซี”


“ครับ”


“ชีวิตของพี่ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมาเยอะ บอกไม่ได้หรอกนะว่าช่วงชีวิตที่ดีที่สุดคือช่วงไหน แต่วันนี้พี่อยากขอบคุณนะครับที่ซีเข้ามาเป็นส่วนดี ๆ ส่วนหนึ่งในชีวิตของพี่ เติมเต็มในส่วนที่พี่ขาดหาย นึกว่าจะไม่มีเพื่อนที่รู้ใจใช้ชีวิตไปด้วยกันจนแก่เสียแล้ว”


“ใครบอกว่าผมจะใช้ชีวิตไปด้วยกันกับพี่จนแก่” ภูวดลหน้าแดงก่ำ ทัตพลกระชับอ้อมกอดเข้ามาอีก


“ก็พี่บอกอยู่นี่ไง จะต้องให้ใครมาบอกอีกครับ หืม”


“พี่ทัตขี้โกง ทึกทักเอาเองทั้งนั้น ผมยังมีทรายที่ต้องดูแลอีกทั้งคน เราสองคนสัญญากันไว้แล้วไม่ว่ายังไงเราไม่ทิ้งกัน”


“ทรายเขาก็มีธารอยู่แล้ว เจ้าลูกชายพี่น่ะ มันไม่มีวันยอมปล่อยมือจากน้องชายซีแน่ ๆ ทั้งรักทั้งหลงขนาดนั้น ดูซิถึงขนาดยอมเป็นพ่อทูนหัวเพื่อที่จะให้ทรายมีลูกชายเป็นของตัวเอง มีลูกก็จะได้มีข้อผูกมัด แค่นี้ทรายก็ไปไหนจากเจ้าธารไม่ได้แล้ว แบบนี้ไม่เรียกว่ารักมากแล้วเรียกว่าอะไร”


“จะว่าไปผมก็คิดถึงหลานเหมือนกันนะครับ น้องขิงน่ารักมากจริง ๆ นี่”


“จะมีด้วยกันสักคนไหมล่ะ”


“พูดอะไรน่ะครับ”


“เปล๊า! ยังไม่ได้พูดอะไรเล้ย นอนเหอะ นอนๆ”


“ซี”


“ครับ” ตกลงจะได้นอนไหม


“อยากได้สัญญาแบบนั้นบ้าง”


“แบบไหนครับ”


“แบบที่ซีสัญญาไว้กับทรายน่ะ ให้พี่แบบนั้นบ้างสิ”


“พี่ทัตจะเอาแบบนั้นจริง ๆ หรือครับ”


“อือฮึ  อยากได้อ่ะ”


“แต่นั่นมันสัญญาระหว่างพี่กับน้องนะครับ ถ้าอยากได้จริง ๆ เดี๋ยวผมจะ.......”


“โอ้ สต๊อปๆ ไม่เอาแล้วดีกว่า สัญญาอะไรนั่นไม่เห็นน่าสนใจตรงไหนเลย เดี๋ยวไว้ซีค่อยหาคำพูดเท่ ๆ มาพูดกับพี่ใหม่ดีกว่า ไม่เอาเหมือนของทรายนะ บอกไว้เลย”


“โอ๊ย!!” เสียงภูวดลอุทานขึ้นอย่างดัง  “กัดทำไมครับ ไหล่เป็นรอยแน่เลย เล่นอะไรเนี่ย”


ทัตพลเงียบแกล้งหลับตาพริ้มไม่ตอบคำถาม



.....เพราะหมั่นเขี้ยว อยากฟัด แต่มันทำไม่ได้ ถึงได้กัดไง......จ้างให้ก็ไม่บอก!




******************************************************

Unseen >>> Tbc.