Unseen-13(ธารทราย)
-ในหนึ่งวันของเขา-
วันนี้เขามี OPD เช้า
“คุณดาริน ใจงาม เชิญเข้าห้องตรวจค่ะ”
เสียงพยาบาลเรียกคนไข้ที่นั่งหน้าสลอนเรียงคิวกันอยู่มากมายหลายสิบ
ที่ห้องตรวจนรีเวช
โดยเฉพาะวันจันทร์แบบนี้คนไข้เยอะมากเป็นเรื่องธรรมดาของโรงพยาบาลรัฐบาล
“คุณดาริน ใจงามนะครับ”
คุณหมอหนุ่มหล่อเงยหน้าจากแฟ้มประวัติทวนชื่อเธออีกครั้ง
“คะ...ค่ะ”
คนไข้สาววัยเพิ่งยี่สิบสองหย่อน ๆ
พยักหน้าตอบหงึก ๆ พลางนึกในใจถึงเรื่องที่ตนเองเคยได้ยินมา
เขาว่ากันว่ามีคุณหมอท่านหนึ่งที่แผนกนรีเวชของโรงพยาบาลนี้รูปร่างหน้าตาหล่อเหลามากยิ่งกว่านายแบบ
ไม่คิดเลยว่าวันนี้เธอจะได้มาเจอตัวเป็น ๆ แบบนี้
“วันนี้มาทำอะไรครับ”
“คุ...คุณหมอกานดานัดให้มาใส่ห่วงอนามัยค่ะ”
เพราะห่วงอนามัยไม่ได้ใส่กันเป็นทุกคนเพราะฉะนั้นคุณหมอประจำตัวของดารินจึงนัดให้เธอมาใส่วันนี้
แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณหมอที่ใส่ให้จะกลายเป็นผู้ชายไปได้ที่สำคัญหล่อมากจนใจเธอสั่นไม่เป็นท่า
“ขึ้นเตียงเลยครับ”
“ห๊ะ?” เธออุทานหน้าแดงแป๊ด
ตายๆ คุณหมอบอกให้ขึ้นเตียง
ชีวิตนี้มันคงไม่มีอะไรดีกว่าผู้ชายหน้าตาแบบนี้เชิญเธอขึ้นนอนบนเตียงอีกแล้ว
เธอยืนบิดมือแน่น ทำอะไรไม่ถูก
“เชิญขึ้นเตียงเลยครับ” เขาว่าอีกครั้งแล้วเดินไปสวมถุงมือ
ขณะที่ดารินมองไปที่เตียงขาหยั่งสีเขียวหลังม่านพลาสติกทึบ
ปัดโถ่! ทั้งดีใจ ทั้งน่าอายเป็นบ้า ต้องมานอนถ่างขาให้ผู้ชายหล่อ ๆ แบบนี้ดู
โอ๊ยยยย เธอจะเป็นลม
“ขึ้นไปนั่งบนเตียงสิคะ” คราวนี้เป็นเสียงพยาบาลวัยกลางคนที่เดินเข้ามาจากด้านหลังพร้อมห่อผ้าสีเขียวในมือซึ่งน่าจะเป็นเครื่องมือแพทย์
เมื่อเห็นว่าเธอยืนนิ่งไม่ขยับ เลยแหวใส่เธอเบา ๆ
คุณหมอหนุ่มมองเธออีกครั้ง
ขณะริมฝีปากจะขยับเพื่อบอกให้เธอขึ้นเตียงเป็นครั้งที่สาม เธอก็ก้าวขึ้นไปนั่งอย่างกล้า
ๆ กลัว ๆ
“ยกสองขาพาดไว้ตรงนี้”
พยาบาลเข้ามาจับขาเธอถ่างออกไว้ที่ตัวล๊อกขาหยั่งสองข้าง
สภาพเธอตอนนี้เลยกลายเป็นนอนถ่างขาขณะที่คุณหมอรูปหล่อยืนอยู่ที่หว่างขาเธอพอดิบพอดี
ดารินหน้าแดงแป็ดอายที่สุดในชีวิต
แน่นอนว่าเธอมีแฟนไอ้เรื่องถ่างขารอแฟนนั้นมันก็ทำกันออกบ่อย
แต่ว่า...คุณหมอคนนี้หล่อมากจนเธอเขินอายสุดๆจริง
ๆ
“เลิกผ้าขึ้นเลยครับ”
ตาย ๆ บอกให้เลิกผ้าขึ้นอีก
คุณหมอเป็นฆาตกรจะฆ่าเธอให้ได้จริง ๆ ใช่ไหม
แค่นี้ใจก็เต้นโครมครามจนจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
ยังมาบอกให้เธอเลิกผ้าโชว์ของรักของหวงอีก
“เลิกผ้าขึ้นเลยค่ะ ทำไมไม่ทำตามที่คุณหมอบอกคะ”
เสียงพยาบาลแหวมาอีกครั้ง
“ค..คือ หนูอายค่ะ” เธอตอบอย่างกลัว ๆ
เธอคงอายมากจริง ๆ หน้านี้แดงเถือก
“ไม่ต้องอายค่ะ”
“ต...แต่คุณหมอยืนอยู่ตรงนั้น”
อยู่ตรงหว่างขาเธอพอดิบพอดียืนจัดเครื่องมืออะไรสักอย่างอยู่ แล้วบอกให้เธอเลิกผ้าขึ้นเนี่ยนะ โอ๊ย จะเป็นลม เธอคิดแล้วหลับตาปี๋
“จะให้หมอหลับตาทำไหมครับ”
เขาว่าขำ ๆ
แล้วหันไปสนใจอุปกรณ์เครื่องมือต่อ
พยาบาลเดินมาเลิกผ้าถุงของโรงพยาบาลที่ดารินนุ่งอยู่เลื่อนขึ้นจนถึงเอว
ตอนนี้เธออายสุด ๆ
ตัดสินในยกสองมือปิดบังใบหน้าไว้แล้วค่อย ๆ แอบดูคุณหมอหนุ่มรูปหล่อนั่งลงที่หว่างขาเธอเรียบร้อย
สายตาคมกล้ากำลังโฟกัสอยู่ที่ของรักของสงวนเธออีกต่างหาก
ตาย ๆ ชีวิตนี้
คงสมใจไปทุกอย่างแล้วดารินเอ้ย เธอนึก
คนอะไรทำไมถึงหล่อแบบนี้ ชีวิตนี้ขอสักครั้งแล้วลูกสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน กร๊ากกก
ยังมีแก่ใจมาตลก
“โอ๊ย!” ขณะกำลังคิดเพลินๆประกอบกับแอบมองหน้าคุณหมอผ่านรูช่องแคบระหว่างนิ้วไปด้วย
เธอก็ต้องร้องจ๊ากดังลั่น ตัวเกร็งไปหมดเมื่อคุณหมอทำอะไรสักอย่างกับตรงนั้นของเธอ
“นิดเดียวนะ
ไม่เจ็บครับหมอแค่ถ่างช่องคลอด”
ป๊าดดดดด คนอะไรหล่อแล้วยังพูดเพราะ
ความเจ็บหายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งสุภาพ
หุ่นก็โครตดี เสียงก็โคตรเพราะ ตัวก็หอมเมียคงจะสวยแบบฉิบหายวายวอดเลย
“โอ๊ย!” เธออุทานขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองขณะกำลังคิดเพลิน ๆ ใจหนึ่งก็อยากให้เสร็จไว ๆ
ส่วนอีกใจอยากให้คุณหมอทำไปเรื่อย ๆ นั่งมอง 'ของ' ของเธอให้นาน ๆ อิอิ
“มดลูกคว่ำนิดนึง
หมอขอยกมดลูกขึ้นหน่อยนะครับ นิดเดียวนะ ทนนิดเดียว”
เสียงเครื่องมือกระทบกันดังเคร้ง ๆ
แต่เธอก็ไม่กล้ามองมากนักได้แต่แอบดูใบหน้าคุณหมอที่กำลังจดจ่ออยู่ตรงหว่างขาเธอเท่านั้น
“นิดเดียวนะครับ
นิดเดียวเจ็บนิดเดียวทนหน่อยนะ”
เสียงแกร๊กดังขึ้น
คุณหมอเองก็ยืดตัวขึ้นอีกนิด คล้ายกับว่าจะเสร็จเรียบร้อย
“อ่าหลุดอีกแล้ว มันดื้อจริง ๆ น้า”
เขาบ่นพึมพำกับเครื่องมือที่เขากำลังใช้งาน เธอได้แต่แอบมองผ่านช่องลอดของนิ้ว
ยังไม่กล้าเปิดใบหน้าแบบเต็ม ๆ ยังคงอายอยู่มาก พลางนึกในใจรู้งี้เอาโทรศัพท์ทำท่ามาเล่นเกมส์ก็ดีแล้วแอบถ่ายคุณหมอไปเลย
มันจะมีใครโชคดีเท่าเราวะ มีคนหล่อ ๆ มานั่งมอง ‘ของ’ เราแบบนี้
“ปากมดลูกแคบมากเลยครับ ช่องคลอดก็ตีบ
ไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์เหรอครับ”
เหวยๆๆๆๆๆ ทำไมคุณหมอถึงได้ถามแบบนี้
นอนกับแฟนแทบทุกคืน ที่มาใส่ก็เพื่อจะได้คุมกำเนิด แต่ผิดที่แฟนไอ้ขี้เหร่นี่แหละ
จิ๊! อะไร ๆ มันก็เล็ก ฮึ่ยยย
“กะ...ก็นอนบ้าง..นิดๆ”
“เจ็บนิดเดียวนะ
เดี๋ยวหมอดันเข้าไปทีเดียวเลย ทนนิดนะครับ”
คุณหมอพูดอาไร้! ดันเดินอะไร พูดชวนให้คิด ปัดโถ่เว้ย!
เสียง แกร๊กก
ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้คงเรียบร้อยแล้วจริง ๆ คุณหมอกำลังถอดเครื่องมือออก
เธอรู้สึกสบายส่วนนั้นทั้งหมด
“ให้ตรวจสอบอยู่เสมอโดยการสอดนิ้วเข้าไปแบบนี้นะครับ
แล้วควานหาเชือกดู” เขาว่าพร้อมสาธิตสอดนิ้วเข้าไปที่ช่องคลอด
เธอยิ่งอายหนักเป็นเท่าตัว
บ้าๆๆ คุณหมอทำอะไรแบบเน้! สงสัยว่าคงต้องไปห้องตรวจหัวใจต่อแน่แล้ว
“เสร็จแล้วครับ ลงมาได้เลย”
เขาว่าแล้วเดินไปล้างมือที่ด้านหลัง ขณะที่เธอค่อยเดินถ่าง ๆ ไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ใบหน้ายังแดงเถือกด้วยความอาย
“หมอนัดอีกหนึ่งเดือนนะครับ วันนี้มียาแก้ปวดแล้วก็หมอสั่งเควายเอาไว้ป้ายช่องคลอดจะได้ไม่แห้งมาก”
เขาว่าแล้วยื่นแฟ้มส่งให้เธอ เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองเขาชัด ๆ
อีกครั้งด้วยหัวใจที่ทั้งเต้นรัวเร็วและแรง นี่คือผู้ชายที่หล่อที่สุดที่เธอเคยถ่างขารอ....ปัดโถ่
ต่อไปเวลานอนกับแฟน ฉันต้องคิดถึงแต่หน้าคุณหมอตอนที่ยืนอยู่หว่าขาแล้วพูดว่า ‘ไม่เจ็บนะครับ นิดเดียวนะ เดี๋ยวจะดันเข้าไปทีเดียวเลย’
โอ๊ยยยย อีดาริ้นนนน วันนี้มึงโชคดีมากจริง ๆ
“คุณนารีรัตน์ เชิญเข้าห้องตรวจค่ะ”
วนเวียนไปอยู่แบบนี้ตลอดทั้งเช้าถ้าหากมีโอพีดี
คนไข้หลายสิบหลายร้อยนั่งรอคิวตรวจหน้าสลอน บางคนมารอคิวตั้งแต่ตีสี่ตีห้า
ขณะที่คุณหมออย่างเขาเข้าตรวจประมาณสามโมงกว่า ๆ ไม่ใช่ว่ามาสาย
เขามาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้ามืดเลยด้วยซ้ำแต่ต้องไปเช็คที่ห้องคลอดก่อน แล้วจากนั้นก็ไปดูที่หอนรีเวชซึ่งเขารับผิดชอบอยู่
ดูผู้ป่วยที่มีอาการแทรกซ้อนก่อนเป็นอันดับแรก
ถ้าไม่มีอะไรน่าห่วงก็จะไปต่อที่โอพีดีเร็วหน่อย
“เหนื่อยหน่อยนะคะคุณหมอ”
บ่ายนี้เขาว่าง
เพราะอย่างนั้นจึงขับรถมาที่โรงแรม โทรบอกวารินไว้ว่าจะมาทานข้าวเที่ยงด้วยกัน
“อ่ะนี่ ปลาผัดเปรี้ยวหวานของโปรดธาร”
วารินตักกับข้าวให้เขาอย่างเอาใจ
เพราะรู้ว่าเขาเหนื่อย
รู้ว่าวันนี้เขามีตรวจแต่เช้าเพราะอย่างนั้นเขาจึงออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้า
กินแค่กาแฟแก้วเดียวแล้วออกไปเลย
“แล้วเรื่องตึกว่ายังไง
พี่นัดคุยกับเจ้าของใหม่เขาหรือยัง” ขนาดเวลากินข้าวยังคุยเรื่องงาน
“พี่ให้คุณปวีย์นัดให้แล้ว
ยังไมรู้ว่าทางนั้นจะให้คิวมาวันไหน พี่อยากให้เคลียร์เร็วที่สุด สงสารชาวบ้านมาก
พี่ไม่รู้จริง ๆ นะว่าเขาจะรื้อถอนแบบนี้ ถ้ารู้คงไม่เสนอเรื่องให้ธารเซ็นหรอก”
“อย่าโทษตัวเองสิ
เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วก็ค่อยแก้ไขกันไป คุยกับเขาดู ถ้าไม่เข้าท่ายังไงเดี๋ยวผมนัดคุยกับเขาอีกที”
“ธาร
ถ้าพี่จะขอซื้อคืนจากเขาในราคาที่เราต้องขาดทุน ธารจะ...เอ่อจะว่าอะไรพี่ไหม”
“ไม่ครับ ผมให้พี่ทรายตัดสินใจเลย
บอกแล้วไงเรื่องธุรกิจพี่ดูแลให้ผม ถึงผมจะหมดตัว ผมก็ยังมีเงินเดือนหมอกินนะ พอจะเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียได้อยู่”
เขาว่าแล้วยิ้ม
“จ้า ๆ น้องธารคนเก่ง”
เขาสองคนหัวเราะด้วยกันเบา ๆ
ธาราธารขยับมานั่งชิดกับวารินสอดมือโอบเอวนั่นไว้
“มีความสุขจังเลย
ถึงเหนื่อยแค่ไหนก็ยังมีพี่อยู่ด้วยกันข้าง ๆ แบบนี้”
“เอ๊ะ เย็นธารมีตรวจอีกหรือเปล่า”
“มีครับ มีตอนบ่ายสาม มีสอนนิดหน่อย
แล้วก็เย็น ๆ เห็นฟ่างมันบอกจะฝากเวรไม่รู้ว่าไงคงต้องคุยกันอีกที”
เขาหมายถึงสอนพวกนักศึกษาแพทย์ ที่หอผู้ป่วย
“งั้นก็ออกไปได้แล้วสิ
นี่มันบ่ายสองกว่าแล้วนะ”
ฟอดดด เขาหอมเข้าที่แก้มขาวเนียน “ชื่นใจ
ผมไปนะเย็นไปรับเจ้าขิงแล้วพาไปหาที่เดิม โอเค้!”
เขาว่าแล้วลุก
คว้าเอาเสื้อนอกที่ถอดไว้พาดใส่แขน
วารินทำมือโอเคพร้อมส่งยิ้มกว้างไปที มองดูเขาออกจากห้องจนลับตา
อุตสาห์ขับรถเป็นชั่วโมงเพื่อมาทานข้าวด้วยกัน
ทำไมวารินจะไม่รู้
*
“อาป๊าน้องขิงมาแล้วค๊าบ”
เจ้าตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆตามทางเดินเข้ามาหาอาป๊าของเขาที่หอผู้ป่วยรวมนรีเวช
ที่เดิม เวลาเดิม
“น้องขิง เดี๋ยวครับอาป๊าตรจคนไข้อยู่
ขิงรอตรงนี้กับคุณป๋านะ คนเก่ง”
วารินที่เดินตามมาติด ๆ
รีบคว้าแขนอ้วนกลมนั้นไว้ เมื่อเห็นว่าข้างในดูท่ายุ่ง ๆ
ซึ่งเจ้าจินเจอร์ก็ยอมหยุดอย่างว่าง่าย เขาสองคนนั่งรอที่หน้าห้องสักพักป้าพราวพยาบาลที่รักและเอ็นดูเจ้าขิงมากๆก็ออกมากวักมือเรียก
วารินจึงยอมปล่อยให้เจ้าอ้วนวิ่งเข้าไปด้านใน
“วันนี้ต้องอยู่ถึงสองทุ่มนะ
แทนไอ้ฟ่างมันน่ะ ให้ขิงเข้าไปเขียนการบ้านในห้องก็ได้ครับ”
เขาว่าแล้วรับกระเป๋านักเรียนจากวารินไปถือแทน
ชะเง้อมองไปทางเจ้าขิง ที่ตอนนี้โดนเหล่าพยาบาลสาวกักตัวไว้
“พี่เหนื่อยไหม
หรือว่าจะกลับก่อนเอารถไป เดี๋ยวให้เตออกมารับผมก็ได้” เขานำวารินเข้ามาในห้องพักแพทย์วางกระเป๋าน้องขิงไว้
ยืนพิงที่โต๊ะแล้วดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอกลับพร้อมกัน
พี่ให้ขิงกินขนมปังกับนมมาแล้ว ก่อนกลับค่อยแวะทานข้าวนอกบ้านกันก็ได้ ขิงคงดีใจ
อาทิตย์นี้เรายังไม่ได้ดินเนอร์นอกบ้านกันเลยนะ”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ ขอโทษนะผมยุ่งมากจริง
ๆ ”
เขาว่าแล้วจุ๊บลงที่มุมปากเล็กเบา ๆ
วารินรีบตีเขาก่อนผละตัวออกมาด้วยท่าทีอาย ๆ ขณะที่คนทำอย่างเขาไม่รู้สึกรู้สาลอยหน้าแล้วออกไปเปิดประตูกวักมือเรียกเจ้าขิงอ่อนเข้ามาทำการบ้าน
และเมื่อเวลาสองทุ่มมาถึง
ไม่มีเคสฉุกเฉินให้ต้องปวดหัว เขาสามคน อาป๊า
คุณป๋าและน้องขิงก็พากันร่าเริงอยู่บนท้องถนนในรถครอบครัวที่เดี๋ยวนี้เพลงที่เปิดเป็นประจำจะเป็นเพลงเด็ก
ๆ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่เจ้าขิงจะแหกปากร้องไม่เกรงใจใคร
จุดมุ่งหมายของทั้งสามตอนนี้ก็คือสวนอาหารเจ้าประจำไม่ไกลจากบ้านพวกเขานัก
อาหารอร่อย สะอาด ที่สำคัญมีห้องสำหรับเด็ก ๆ ไว้เล่นเครื่องเล่นแปลกๆ
ที่เจ้าขิงจินเจอร์ชอบมาก
.
“ขิงหลับแล้ว?”
“อื้อ”
ทุกวันหลังกลับมาถึงบ้านเขาจะเข้าไปหาภัครจิรานั่งคุยกับเธอสักพัก
อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็มานั่งเคลียร์แฟ้มงานของโรงแรมต่อ ส่วนวารินจัดการเรื่องเจ้าขิงไป
วันนี้คงไม่มีเวลาเล่นโลดโผนกันเพราะกลับมาถึงก็ดึกแล้วเจ้าขิงหลับปุ๋ยไม่เป็นท่าตั้งแต่อยู่บนรถ
“หิวกาแฟอ่ะ” เขาว่าแล้วปิดแฟ้มงานลง
เอื้อมมือออกมากกระตุกชายเสื้อนอนคนตัวเล็กเบา ๆ
“กินกาฟาเหอะ นะครับ หิว ๆ ”
เขาอ้อนถอดแว่นออกแล้วมุดใบหน้าหล่อ ๆ เข้าที่ท้องอุ่น ๆ ของวาริน
“เพิ่งสี่ทุ่ม”
“ตอนนี้แหละกำลังดี
วันนี้อยากกินสามแก้วเลย”
“บ้า กินอะไรตั้งสามแก้ว เดี๋ยวได้ติดคาเฟอีนตายหรอก”
“ตายไรเล่า ยิ่งกินยิ่งมันส์ต่างหาก
ไปเหอะไม่พูดแล้ว เร็ว!หิวแล้ว”
เขาว่าแล้วลุกขึ้น ดึงมือวารินไปที่ห้อง ขณะที่อีกคนยื้อโต๊ะไว้แน่น
ไม่ยอมตามเขาไปง่าย ๆ
“หรือจะเอาตรงนี้
เจ็บหลังนะบอกไว้ก่อน”
“ห้าทุ่ม”
“ตอนนี้”
“สี่ทุ่มครึ่ง” วารินต่อรองอีกครั้ง
“สี่ทุ่มครึ่งก็ได้
แต่สี่ทุ่มครึ่งทำที่บันไดนะ อยากลองยังไม่เคย”
“บ้าธาร พูดอะไรน่ะ”
“ง่า
ก็มันอยากนี่
ใจร้ายจังผมก็มีอารมณ์เป็นนะ”
“ก็เห็นมีอยู่ทุกวันแหละ กินทุกวันไม่เบื่อหรือไงนะ”
“เบื่อที่ไหนของแบบนี้ ถ้าเบื่อนะ
ไม่ผมก็พี่อ่ะพิจารณาตัวเองได้เลย ไปเร็ว!”
“เฮ้ยยยย!”
คราวนี้เขาไม่รอแล้ว
ว่าจบปุ๊บช้อนตัววารินขึ้นแล้วอุ้มไปวางไว้บนเตียงทันที
สองคนสบตาสื่อความนัยน์ที่หลากหลาย แล้วครั้งนี้ก็เหมือนทุก ๆ ครั้ง
เขาช่างเป็นคนหนุ่มที่ร้อนแรงไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง
ๆ
**************************************************
Unseen
>>> Tbc