Thursday, April 3, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) พิเศษ ทัตซี



Unseen-0 (ทัตซี)





....ในวันที่ทัตพลนอนค้างคืนที่แกลเลอรี่ (ซี&ทราย) เป็นครั้งแรก.....



“ฮ้าววว   ซี ฉันไม่มีแปรงสีฟันนะ เดี๋ยวจะเดินออกไปซื้อที่ร้านค้าแถว ๆ นี้ก็แล้วกัน น่าจะมีขาย เมื่อคืนก็นอนทั้งๆอย่างนั้นอึดอัดจะแย่”


ภูวดลมองดูผู้ชายตัวโตๆผมเผ้ายุ่งเหยิงส่งเสียงงัวเงียเดินหาวหวอดลงมาจากบันได ที่คอมีผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวคล้องไว้ ชุดนอนที่สวมอยู่ทั้งชุดล้วนเป็นของเขา


“อ่ะ นี่ครับ ผมซื้อมาไว้ให้แล้ว” เขายื่นแปรงสีฟันสีฟ้าใหม่เอี่ยมส่งให้ คนรับยิ้มกว้างก่อนเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จ ออกมาอีกทีก็แปลงโฉมเป็นคุณชายเรียบร้อย


“หิวแล้ว มีไรกินบ้างอ่ะ” ออกมาก็ถามหาของกินดูไม่เหมือนคนมาขอนอนพักบ้านคนอื่นเลยสักนิด  เขากวาดตามองคนตรงหน้าที่เดินมาชะโงกหน้าอยู่แถวๆห้องครัว เชิ้ตรัดรูปสีเข้มที่ทัตพลสวมอยู่นั้นมันฟิตดีจริง ๆ เขาแปลกใจว่าคนใส่ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือไงนะ  


ภูวดลวางกาแฟร้อนหอมฉุยลงให้  “ผมไม่รู้ว่าคุณใส่น้ำตาลหรือใส่ครีมไหม เติมเองนะครับ”


“น้ำตาลซองเดียวไม่ใส่ครีม จำไว้ด้วยก็ดีต่อไปจะได้ไม่ต้องถามอีก”


ทัตพลตอบสบาย ๆ ขยับเนคไทเล็กน้อยพลางยกแก้วขึ้นจิบ เลื่อนหนังสือพิมพ์มาไล่ดูพาดหัวข่าวของวัน ขณะที่ภูวดลคิ้วเริ่มกระตุกเหล่ตามองคนพูด


...ทำไมต้องให้จำไว้ด้วย?? ทำอย่างกับจะมากินบ่อย ๆ งั้นแหละ...


“เดี๋ยวผมจะออกไปตลาดหน่อย ถ้าคุณจะกลับก็......


“ฉันไปด้วยสิ ซีจะไปซื้อกับข้าวใช่ไหมเดี๋ยวฉันไปช่วยถือ”


เขารีบแทรกขึ้น ซดกาแฟรวดเร็วจบ ไม่รอฟังคำตอบจากอีกคนว่าจะอนุญาตหรือไม่ เดินออกไปสูบบุหรี่รออยู่ที่หน้าบ้าน ภูวดลยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ไหนเมื่อคืนเขาบอกว่าตอนเช้าจะรีบกลับ แต่นี่จวนจะเจ็ดโมงอยู่แล้วเขายังไม่มีทีท่าว่าจะกลับเลยสักนิด แล้วที่สำคัญแต่งตัวรูปหล่อมาดผู้ดีขนาดนี้จะไปเดินตลาดสดช่วยเขาถือของ??


“แค่ก..แค่ก..แน่ใจนะครับว่าจะไปด้วย มันร้อนนะ” ภูวดลไอโขลกนิดหน่อย ทัตพลรีบทิ้งก้นบุหรี่ลงทันทีเขาใช้ปลายเท้าที่สวมรองเท้าหัวแหลมมันแผล็บบี้มัน


“โทษทีเธอแพ้รึเปล่า?”


“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณจะไปด้วยแน่เหรอมันร้อนจริง ๆนะ”


“เอากุญแจมาสิ เดี๋ยวฉันขับให้ หรือจะไปรถฉัน” เขายื่นมือออกไปขอกุญแจรถจากอีกคนแทนคำตอบ ภูวดลมองหน้าเขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยอมส่งกุญแจรถให้  แน่นอนว่ารถคันเล็กสะดวกกว่าเป็นไหน ๆ 


ไม่นานนักรถญี่ปุ่นคันเล็กสีขาวสะอาดก็มาจอดลงที่ตลาดสด กว่าจะหาที่จอดได้ทัตพลต้องวนถึงสามรอบ


“ทีหลังไปซุปเปอร์ดีกว่านะ ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องที่จอดรถ อาหารสดผักสดอะไรก็มีเหมือนกันนี่ เธอจะได้ไม่ลำบากไง”


“ที่นี่แหละครับดีแล้ว ผมมาตั้งแต่เด็กไม่เห็นรู้สึกว่าลำบากอะไร คุณจะรออยู่บนรถก็ได้ ไม่ต้องตามลงไปหรอก”


“หึ ไม่เอาอ่ะ ฉันมีของที่อยากกิน จะได้บอกให้เธอซื้อไปทำด้วย” เขาว่าอย่างเอาแต่ใจไม่สนคนเดินข้างกันสักนิด ว่าจะเต็มใจทำให้ทานหรือเปล่า


ทัตพลชี้เอาโน่นเอานี่ จนภูวดลมองแล้วมองอีก ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทองเพราะเขาแย่งจ่ายก่อนเสียทุกครั้ง  ผู้คนในตลาดต่างมองเขาเป็นตาเดียวทั้งบุคลิกรูปร่างและการแต่งตัว เขาดูเหมือนนายแบบหนุ่มรูปหล่อไม่มีผิดเพี้ยน ไม่น่าจะพลัดหลงมาเดินตลาดสดต๊อกต๋อยแบบนี้ได้ นี่ถ้าไม่บอกว่าเขามีลูกที่โตเป็นหนุ่มแล้ว คงไม่มีใครเชื่อ  ทั้งท่าทางนิสัยใจคอดูเหมือนเด็กหนุ่มคนอายุยี่สิบกว่าๆเท่านั้น


“ร้อนนน  ไม่ไหวแล้ว ฉันไปอาบน้ำอีกสักรอบดีไหมนี่ ทำไมที่นี่ไม่ติดแอร์ล่ะมันร้อนมากเลยนะซี” 


พอกลับมาถึงบ้านเขาก็บ่นนั่นนี่ รีบเอาหน้าไปจ่อพัดลมอย่างกับเด็ก ๆ ภูวดลนึกไปถึงวาริทันทีร้อนเมื่อไหร่ทำแบบนี้ตลอด  เขามองดูคุณชายเจ้าปัญหาอีกครั้ง นึกสมน้ำหน้านิดๆมีอย่างที่ไหนใส่เชิ้ตแขนยาวฟิตเปรี๊ยะแถมผูกไทด์จนปิดคอหอยไหนจะแสลคฟิตๆนั่นอีก


ภูวดลแอบขำในใจ


“ซี ไอ้นี่น่ะ อย่าเพิ่งทำนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมากินตอนเย็น”


เขาลุกขึ้นมาจู้จี้อีกครั้ง ชี้ๆบอก ภูวดลที่กำลังรื้อถุงอาหารสดผักสดออกมาถึงกับชะงัก  “ค..คุณจะมาอีกหรือครับ”


“มาสิ อุตส่าห์ซื้อมาตั้งเยอะ ติดใจกับข้าวฝีมือซีแล้ว ไม่รบกวนมากหรอกใช่ไหม” 


เขาจ้องภูวดลเหมือนรอฟังคำตอบ แต่อีกฝ่ายดันเลี่ยงก้มหน้าก้มตาล้างผัก พยายามบอกตัวเองว่าต้องเข้าใจ เขาคงเหงาเพราะมีปัญหาครอบครัวคงจะอยากได้เพื่อนสักคนไว้เป็นที่ระบายที่ปรึกษา


“มา ฉันล้างให้ ซีไปทำอย่างอื่นเถอะ” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เมื่อเห็นว่ายังไม่สายมากจึงอาสาช่วย แย่งผักมาล้างต่อ


“คุณไม่ไปทำงานหรือครับ เดี๋ยวจะสายนะ” ภูวดลกะไล่ทางอ้อม


“ยังไม่ได้กินอะไรเลย จะไปได้ยังไง ใจร้ายจังนะกะไล่ฉันทางอ้อมรึเปล่าเนี่ย” เขาพูดดักคอ ทำหน้าเจ้าเล่ห์รู้ทัน


“ป..เปล่าครับ ผมแค่ถามดูเห็นคุณดูนาฬิกากลัวว่าคุณจะเข้างานสาย” ภูวดลแก้ตัวอึกอัก ทั้งที่ความจริงอยากไล่เขาใจจะขาด


“ฉันล้อเล่นน่า ทำหน้าจริงจังตลอดเลยนะ อายุเพิ่งจะสามสิบสามแต่ดูทำหน้าเข้าสิ เหมือนคนจะสี่สิบแล้ว”


“ใครจะไปหน้าอ่อนอย่างคุณกันล่ะครับ” ภูวดลรีบสวน เขาค่อนข้างแสลงใจไม่ชอบให้ใครแซวเรื่องอายุ ตั้งแต่เด็กเขามักจะโดนต่อว่า ว่าชอบทำตัวแก่กว่าวัยอยู่เสมอ ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้แก่อะไร


“ครับๆโทษทีนะ ไม่โกรธพี่ทัตใช่ไหม” 


ทัตพลใช้น้ำเสียงทุ้มนุ่มเปลี่ยนสรรพนามตัวเองเรียบร้อย  ก้มลงมองคนที่ยืนล้างผักใกล้ ๆ ภูวดลหันไปถึงกับสะดุ้งรีบก้าวถอยหลังไม่รู้ตัว ทัตพลหัวเราะร่ามีความสุขที่แกล้งอีกฝ่ายได้


วันนั้นทัตพลกลับมาอีกทีตอนเย็น เขาทานข้าวร่วมกับภูวดล เล่าเรื่องโน่นนี่ให้ฟัง ทั้งระบายปัญหาที่ทำงานและแผนงานคร่าว ๆ เรื่องรีสอร์ท  เสร็จแล้วจึงปลีกตัวช่วยรดน้ำต้นไม้ขณะที่ภูวดลล้างจาน  พอค่ำก็มานั่งดูอีกคนวาดรูป  จนกระทั่งดึกๆจึงกลับไปพักที่คอนโดส่วนตัว



********************************
(สั้นๆ^^)

S.W.A.T - D (หน่วยสืบคดีโหด) *Yaoi * ตอนที่ 22(พิเศษ)


# 22(ตอนพิเศษ)    ภารกิจด่วน ที่เรือนจำพิเศษเขาสามหมอก กาญจนบุรี 



ช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม  วันสิ้นปี

ปัง!!  ปัง!!    เสียงรถแทรคเตอร์ที่ใช้งานภายในเรือนจำถูกนักโทษชายแดนหกจำนวน 4 คนปล้นแล้วขับชนกำแพงหนาของคุกใกล้ตัวตึกที่กำลังก่อสร้าง 

เสียงนกหวีดยาวแสบแก้วหูจากผู้คุมสามคนวิ่งหน้าตั้งพยายามเข้าชาร์จ แต่โดนสกัดจากเหล่านักโทษที่กำลังเก็บกวาดทำความสะอาดลานอเนกประสงค์ดักทางไว้

ในที่สุดสองผู้คุมโดน 4 นช. จับเป็นตัวประกันโดยใช้มีดและเหล็กแหลมเป็นอาวุธ พร้อมทั้งปลดอาวุธปืนของผู้คุมทั้งสองออกมาเป็นอาวุธเพื่อใช้ต่อสู้

………………………………………………………………………………


นายครับ ฮอพร้อมแล้ว

เสียงรีบร้อนจากจ่าโจ เลขาส่วนตัวของฟ็อกซ์พ่นออกมาจากใบหน้าเคร่งเครียด  หลังจากมีโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือด่วนจากหน่วยกลางสู่ S.W.A.T-D  ฟ็อกซ์เรียกประชุมด่วนสำหรับเจ้าหน้าที่สายดำตามลำดับตัวอักษร (เคน/ฟ็อกซ์/คอร์น/เดฟและซาโต้)

แต่งานนี้พิเศษ หัวหน้าหนุ่มตัดสินใจให้คริสเข้าประชุมด้วย และน่าจะเป็นงานสายดำครั้งแรกของเขา

คอร์น(พิสูจน์หลักฐานสายดำ)รับหน้าที่นักบินที่ 2 รอพรรคพวกที่เหลืออยู่บนเครื่อง  เจ้าหน้าที่ทั้งห้าต่างมุ่งสู่ชั้นดาดฟ้าของตึกบัญชาการฯ  ซึ่งเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของหน่วย ฟอกซ์เข้าประจำที่นั่งตำแหน่งนักบินที่

S.W.A.T-D  ทุกนายต่างก้าวเท้าทยอยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำเขียว ซาโต้ คริส เดฟ และเคนยะกระโดดขึ้นปิดท้าย เมื่อประตูฮอปิดลง แมลงปอลำโตคาดป้าย S.W.A.T-D ตัวเบ้อเริ่มก็โบยบินขึ้นสู่น่านฟ้าทะยานมุ่งสู่ทิศตะวันตกเรือนจำพิเศษเขาสามหมอก จังหวัดกาญจนบุรี


‘........ล่าสุดนาย XXX  XXXX  ผบ.เรือนจำพิเศษเขาสามหมอกได้ชี้แจงว่า ขณะนี้กำลังเร่งประสานงานตำรวจชุดปราบจราจลร่วมกับเจ้าหน้าที่เรือนจำกว่าร้อยนายเข้าควบคุมสถานการณ์ทั้งในและนอกเรือนจำแล้ว อย่างไรก็ตามยังคงยืนยันว่าเรือนจำพิเศษเขาสามหมอกเป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูงมีกำแพงและระบบความปลอดภัยแน่นหนา ที่สำคัญมีระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ..........


เสียงรายงานข่าวด่วนตามติดสถานกาณ์ฉุกเฉินยังดังผ่านวิทยุสื่อสารอยู่ตลอดแม้จะอยู่บนฮอ  คริสตินนั่งสงบสติอารมณ์คิดถึงเรื่องภายในที่ประชุมเมื่อสักครู่

งานคราวนี้มึงอาจไม่เคยทำมาก่อน แต่ให้จำไว้ว่า นี่คืองานที่แท้จริงของหน่วยเรา  คริสมึงทำได้!น้ำเสียงเด็ดขาดของฟ็อกซ์ยังก้องอยู่ในหูเขาตลอด  ขณะที่เคนยะจัดแจงโยนเสื้อสีดำของหน่วยปราบจลาจลให้แต่ละคนเพื่อสวมใส่เมื่อเครื่องไต่เพดานบินได้ในระดับที่พอสมควรแล้ว

มีเวลาไม่มากนัก เปลี่ยนชุดซะ

อุ๊ก!!  คริสรับชุดไว้ที่ตักอย่างจุก ๆ ชุดที่ทั้งหนักทั้งหนา มันจะป้องกันอะไรดีขนาดนั้น’  ชายหนุ่มพิจารณาชุดที่ตนเองถือไว้พร้อมมองพรรคพวกที่เหลือกำลังเร่งสวมใส่ด้วยความรีบร้อน เขาเองก็ลุกขึ้นสวมบ้างแต่ไม่ค่อยถนัดนัก ซาโต้ที่สวมเสร็จก่อนจึงมาช่วยติดโน่นดึงนี่ให้อีกแรง

ชุดกันกระสุนน่ะ หนักหน่อยนะครับ ชายหนุ่มชกลงที่ท้องคริสตินผ่านชุดสีดำกันกระสุนหนัก ๆ 1 ที

เจ็บนะเว้ย มึงเล่นไรเนี่ยคริสตินหัวเราะเบา ๆ แล้วตบลงที่พุงตัวเองบ้างทดสอบความหนักเบาของแรง พร้อมแกล้งชกพุงซาโต้กลับไปด้วย

เจ็บ ?? นี่แสดงว่าหมัดผมหนักกว่าลูกกระสุนอีกนะเนี่ย”  ในเวลาแบบนี้ยังจะมาหยอก

เล่นไม่ดูเวลานะมึงคริสตินถลึงตาใส่

ก็อยากหยอกนี่ครับ” 

สองคนหยอกล้อกันไปมาเบา ๆ ไม่ได้สนใจใครเลย เดฟที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ส่ายหัว จนกระทั่งฟ็อกซ์เดินข้ามมาจากด้านหน้าเพื่อเปลี่ยนชุด ทั้งซาโต้และคริสจึงได้หยุดปากลงแล้วซาโต้จึงเดินข้ามไปเพื่อทำหน้าที่นักบินที่ 1 แทน 

เดฟถึงกับพ่นลมหายใจยาวที่สองคนแยกกันซะได้เพราะจะได้เงียบเสียงคุยไปซะที

มีนักโทษชาย 4 คน แหกคุกจับผู้คุมสองคนเป็นตัวประกัน ภารกิจคราวนี้คือ จับตายแต่ตัวประกันต้องรอด รายงานล่าสุดที่แจ้งเข้ามาคือมันขู่ฆ่าตัวประกันจนสามารถออกไปนอกบริเวณเรือนจำได้แล้ว และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศส่วนที่เราจะต้องตามหาเป็นป่าทั้งหมด เพราะงั้นเราจะแบ่งทีมเป็นออกเป็น 3 ทีม

ฟ็อกซ์เริ่มบรรยายแบ่งภารกิจขณะที่เคนยะจัดแจงสวมชุดให้เขาไปด้วย  เฮลิคอร์ปเตอร์เริ่มลดระดับลง ซาโต้กดสวิทเพื่อเปิดประตูฮอร์ด้านข้างออกทำให้มองเห็นสภาพภูมิประเทศด้านล่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะนี้พวกเขากำลังเข้าสู่เขตจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว แม่น้ำแควสายใหญ่ทอดตัวเป็นแนวยาวอยู่กลางหุบเขาทั้งสองฟาก คริสตินที่นั่งติดประตูที่สุดถึงกับใจสั่นขึ้นมาเล็ก ๆ  นี่เป็นภารกิจพิเศษครั้งแรกของเขาเพราะฟ็อกซ์เชื่อใจ  เขาจะต้องทำให้ดีที่สุด ชายหนุ่มหลับตาพยายามระงับความตื่นเต้นทั้งหลายไว้ เดฟที่เขยิบไปนั่งแทนที่ซาโต้จึงสังเกตเห็นอาการของคริสได้อย่างชัดเจน

เขาเหล่ตามอง

อ่อนวะสบถเบา ๆ 

อะไรคริสที่หัวกระเซาะกระเซิงจากแรงลมหันมาถามทันควัน แต่เจอแค่อาการยักไหล่แล้วเมินหน้าเป็นคำตอบให้ 

แค่นั้นก็ทำให้คริสรู้สึกขัดใจแทบคลั่งแล้ว  เหอะ!

เคนยะจะจับคู่กับซาโต้ค้นหาทางฝั่งทิศตะวันออก ส่วนเดฟจะจับคู่กับคริสค้นหาทางฝั่งทิศตะวันตก คอร์นติดต่อกับส่วนกลางแล้วกลับมาลาดตะเวนบนอากาศ  ส่วนผมจะดูแลฝั่งใต้และส่วนกลางที่เหลือทุกพื้นที่

ซาโต้ที่นั่งอยู่ที่นั่งนักบินรีบหันมาทันทีที่ได้ยินประกาศจับคู่ เขารู้สึกผิดคาดเล็กน้อย ฟ็อกซ์!ชายหนุ่มท้วงขึ้น แต่ฟ็อกซ์หาได้สนใจไม่เขายังคงอธิบายเรื่องงานต่อไป

เช่นเดียวกันกับคริสตินพอได้ทราบว่าตนเองต้องจับคู่กับเดฟเขาแทบกลืนน้ำลายไม่ลง นั่งทำหน้าย่นแล้วฟังหัวหน้าบรรยายต่อไป ขณะที่ฝ่ายเดฟเองยิ่งแล้วใหญ่เมินหน้าออกไปชมวิวทิวทัศน์ด้านล่างทันทีแบบเซ็ง ๆ

แต่เอ๊ะ! ฟ็อกซ์ไปคนเดียวงั้นเหรอ

ผมต้องการให้ภารกิจของเราจบภายในวันนี้  มีคำสั่งวิสามัญฯลงมาจากเบื้องบนไม่งั้นคงไม่ใช้งานพวกเรา  อีกสิบนาทีเครื่องจะลงจอดส่งพวกคุณทุกคน เราจะใช้วิธีโรยตัวลงไปและคอร์นจะเข้าไปติดต่อที่ส่วนกลางเมื่อภารกิจจบสิ้นให้จุดพลุเป็นสัญญาณเรียกมา คอร์นจะไปรับท่านถึงที่

ใครไม่พอใจจุดไหนและมีคำถาม!ฟ็อกซ์ตะโกนด้วยเสียงโหด ๆ ปลุกใจลูกน้องให้หึกเหิม

ฟ็อกซ์  ให้ผมไปกับคริส ผมจะพาเขาไปเองคริสยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ซาโต้เดินข้ามจากด้านหน้ามาสบทบและสวนออกมาอย่างดัง

งานนี้ค่อนข้างอันตรายเบื้องบนแจ้งมาว่าพวกมันแยกออกเป็นสองกลุ่ม นักโทษมีอาวุธและจับตัวประกันไว้เราไม่รู้ว่าด้านนอกจะมีพรรคพวกมันอีกไหมเพราะงั้นซาโต้มึงต้องไปกับเคนยะก่อนที่เคนจะยิงแม้กระทั่งตัวประกันทิ้ง! มึงเป็นคนเดียวที่จะปรามเคนได้ เข้าใจรึยัง!

คริสตินเหลือบมองไปที่พี่ชายที่ยังนั่งหน้านิ่งไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของฟ็อกซ์เลยสักนิด ฟ็อกซ์ย่อมรู้ดีว่าเมื่อเคนยะเข้าสู่โหมดงานชายหนุ่มไม่แคร์ใด ๆ หน้าไหนทั้งนั้นเมื่อมีคำสั่งให้ฆ่าหนุ่มหน้าหวานคนนี้ฆ่าเรียบด้วยสีหน้าที่ยังตรึงไว้ด้วยรอยยิ้ม  มีแต่ซาโต้เพียงคนเดียวที่กล้าขวางลำปืนของเคนยะด้วยด้ามกระบอกปืนเช่นเดียวกัน มีแต่ซาโต้เท่านั้นที่กล้าชกหน้าเคนยะเพื่อเรียกสติ

อย่าได้พูดถึงเจ้าเดฟนั่น เห็นท่าทีเย็นชาแข็งกระด้างแบบนั้นแต่จิตใจอ่อนโยนจนถึงที่สุดถ้าไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องฆ่าแล้วล่ะก็เป็นตายยังไงเดฟก็ต้องช่วยให้ได้ มีภารกิจหนึ่งที่เดฟเกือบโดนไฟครอกตายเพราะเข้าไปช่วยเหลือลูกสุนัขเพียงตัวเดียวมาแล้ว 

ส่วนเขายิ่งแล้วใหญ่จะให้ชกเคนน่ะหรือ แม้แต่ทำให้เจ็บนิดเดียวเขายังไม่กล้า 

คิดไปคิดมาสมเหตุผลที่สุดแล้วที่จะให้เจ้าซาโต้ไป

เดฟกับคริส พวกนายสองคนลงไปก่อน  เขาแห่งนี้โดนตัดสัญญาณโทรศัพท์รวมทั้งอุปกรณ์ติดต่อทุกประเภท ถ้าเจอเหตุการณ์เร่งด่วนให้ใช้พลุเรียกหน่วยลาดตระเวนบนอากาศเท่านั้นจำไว้

เคนยะเริ่มโยนเป้และปืนไรเฟิ่ลแจกให้แต่ละคนตามลำดับ

เอาล่ะ ถึงพิกัดแล้ว

เดฟหันไปมองหน้าคริสแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตูฮอ เขากระชากเชือกพร้อมตะขอโรยตัวออกมาเตรียมพร้อม

มานี่!

คริสตินลุกและเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นหนุ่มหน้าเถื่อนพยักหน้าเรียกแล้วถือตะขอเตรียมรอ  เดฟคล้องเชือกให้คริสด้วยความแม่นยำรวดเร็วและแน่นหนา ขณะที่ตัวเองก็สวมใส่เสร็จเรียบร้อยด้วยความเร็วเช่นกัน

เครื่องลดระดับลงต่ำจนถึงที่สุดแล้ว ประตูฮอเปิดกว้างออกเต็มที่ คริสกับเดฟยืนโต้ลมหนาวอยู่สองฝั่งซ้ายขวาของประตู ซาโต้เดินไปตรวจสอบตะขอของทั้งคู่เพื่อดูความแน่นหนาอีกครั้ง

เคนยะจึงเดินเข้าไปใกล้น้องชาย

พี่จะรออยู่ที่จุดนัดพบ ออกมาให้ได้ล่ะ!” เขาตบแรง ๆลงที่บ่า เรียกกำลังใจของคริสตินได้เป็นอย่างดี ขณะที่มือหนาของเดฟคว้าเอาท่อนแขนของคริสไว้แน่นเตรียมพร้อมที่จะกระโดดลงไปด้วยกัน

พร้อมแล้วครับหัวหน้าเดฟตะโกนโต้ลม  สองคนพร้อมแล้วที่จะโรยตัวลงไป ซาโต้จึงโน้มตัวไปตะโกนบอกคริสใกล้ ๆ

ออกมาให้ได้นะครับคริส  ผมจะรอบอกเรื่องสำคัญ!” 

สิ้นสุดคำพูดของซาโต้ เดฟก็กอดเอาเอวคริสตินโรยตัวลงมาอย่างเร็ว สภาพภูมิประเทศแถบนี้เป็นป่าทึบทั้งหมด คริสเห็นน้ำตกอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขากำลังโรยตัวลงมาไม่มากนัก เดฟโหนตัวมาบังและโอบกระชับลำตัวคริสแน่นขึ้นไปอีกเมื่อจู่ ๆ ลมหนาวพัดโกรกมาอย่างแรง เขาใช้แผงอกแกร่งปิดบังกระแสลมเย็นยะเยือกจากใบพัดคอร์ปเตอร์ให้กับคริสจนคริสเองไม่ได้รู้สึกเลยว่าตนเองต้องต้านกับแรงลมมากมายแค่ไหน

เมื่อความยาวเชือกหมดลง เดฟจึงพยักหน้าให้สัญญาณ  เขาทั้งคู่ปล่อยตะขอออกพร้อมกันแล้วกระโดดลงสู่เบื้องล่าง สองคนเสียหลักเล็กน้อย แต่ก็ลงสู่พื้นดินด้วยความปลอดภัย

เฮลิคอร์ปเตอร์ลำโตกำลังเคลื่อนตัวขึ้น คริสตินมองเห็นซาโต้ป้องปากตะโกนอะไรไม่รู้ลงมาพร้อมยกนิ้วโป้งชูให้อยู่ไกล ๆ ก่อนที่ภาพนั้นจะหายไปจนลับตา

คริสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูจุดประสงค์คือเข็มทิศระบุตำแหน่งของพวกเขาขณะที่เดฟเดินเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ แล้วใช้มีดพกทำสัญลักษณ์ไว้

ตามมา!  แล้วอย่ามาขัดแข้งขัดขาล่ะลงมาถึงก็กัดเลย

คริสตินถูจมูกทำหน้าย่นก้าวเดินตามไปพร้อมในมือก็กระชับไรเฟิ่ลด้ามยาวที่สะพายไว้ด้วย   อากาศในนี้ค่อนข้างเย็นถึงแม้จะเป็นยามบ่ายแต่ต้นไม้ใหญ่ของป่าทึบแห่งนี้บดบังแสงอาทิตย์ร้อน ๆ ไว้จนหมด

เดินกันมาได้สักระยะ

นี่!คริสหยุดเท้าแล้วเรียกคนด้านหน้า

เดฟยังเดินต่อไม่สนใจ

นี่!คริสเรียกดัง ๆ อีกครั้ง

อย่าเสียงดัง  มีอะไร?”  คราวนี่เดฟหยุด แล้วหันกลับมาดุคนด้านหลังที่อยู่ห่างกันเกือบสิบเมตร

แล้วเราจะเดินไปถึงไหนกันล่ะ  เดินมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วเนี่ย”  เขาเดินเข้ามาหาเดฟใกล้ ๆ จุดประสงค์แท้จริงคืออยากหาเพื่อนคุยมากกว่า

ป่าทึบ ๆ เงียบ ๆ แบบนี้ดูไปแล้วก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน

เดินไปเรื่อย ๆ ใช้สัญชาตญาณจนกว่าจะเจอเบาะแส  ตามมาแล้วกันอย่าพูดมากเดฟเริ่มออกเดินอีกครั้ง

ก็แล้วเบาะแสที่ว่าน่ะ มันคืออะไรล่ะ ผมจะได้ช่วยหาคริสตินเองก็รีบจ้ำอ้าวตามขึ้นมาให้ทัน

ถามไปแล้วถึงนึกขึ้นมาได้ เบาะแสก็คือร่องรอยของคนร้ายยังไงเล่า คริสเอ้ย ไปถามให้ไอ้เจ้านี่มันหัวเราะเยาะทำไมนะ

พอคิดได้จึงแกล้งเมินหน้าหนีทำท่าชมนกชมไม้ไปเรื่อย

นี่นายเข้ามาเป็นตำรวจได้ยังไงเนี่ย อ้อลืมไป เด็กเส้นนี่นะ เส้นใหญ่ซะด้วยเดฟตั้งใจเน้นคำว่าเด็กเส้นเต็มที่

นายว่าใคร” 

เปล๊า!เดฟตอบเสียงสูง กระชับปืนในมือแล้วเดินหน้าต่อไป ปล่อยให้คนด้านหลังกัดฟันกรอด ๆ

แต่แล้ว จู่ ๆ คริสตินก็เดินตัดหน้านำเขาขึ้นไปจนไกลโข   เดฟได้แต่ส่ายหน้าขำกับความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย

นี่!  ทางนี้ต่างหาก ไม่รู้ทางแล้วยังจะเดินนำ บ้ารึเปล่านายน่ะ”  กัดไปอีกหนึ่งที เล่นเอาคริสที่หน้าง้ำอยู่แล้วมู่ทู่ลงอีกเป็นสองเท่า

นายว่าใครบ้าคราวนี้ถึงขนาดทิ้งปืนที่จับแล้ววิ่งเข้าไปหาเดฟใกล้ ๆ

เหรอ??  เมื่อกี้ผมพูดเหรอ จำไม่เห็นได้” 
หนอย ตัวเองพูดเองทำลืม เนียนนักนะ คริสทั้งบ่นทั้งด่าอยู่ในใจจนเหนื่อย

ทั้งเหนื่อยกายที่จะต้องเดินทางไกล ทั้งเหนื่อยอกเหนื่อยใจที่จะต้องต่อปากต่อคำกับคนบางคน ในขณะที่อีกฝ่ายทั้งยิ้มทั้งหัวเราะทำตัวเหมือนมีความสุขที่ได้แกล้งเขาซะงั้น

เราจะเดินลัดเลาะไปทางริมน้ำ แกะรอยทางนี้จะง่ายกว่ามาก หวังว่าพวกนั้นคงใช้แม่น้ำเป็นตัวนำทางนะ”  เดฟเริ่มเลี้ยวตัดแนวป่าออกไปอีกทางเสียงน้ำดังซ่าซ่ามาแต่ไกล คริสตินเห็นอย่างนั้นยิ่งดูตื่นเต้นเข้าไปอีก เขารีบวิ่งเข้าหาที่มาของเสียงทันที
ไม่นานนักเขาสองคนก็มาถึงริมแม่น้ำแคบ ๆ แต่เชี่ยวกราดสายหนึ่ง มีน้ำตกเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก เดฟรีบเข้าไปดึงตัวคริสแล้วพาไปหลบที่หลังโขดหินใหญ่

ชู่ว  ผมได้ยินเสียงคน”  เขากระซิบ  คริสตินรีบกระชับปืนยาวในมือทันที สอดส่ายสายตาหาเป้าหมายแต่ยังไม่เห็นอะไรหรือใครแม้แต่น้อย

ไม่มีนี่หันกลับมาบอก

นายยิงปืนแม่นใช่ไหมเดฟถามจ้องตา

ไม่รู้สิ แต่ใคร ๆ เขาก็ว่ากันอย่างนั้น

คนถามพยักหน้ารับรู้  พวกเขารอกันอยู่สักพัก   เดฟเริ่มมองซ้ายมองขวาแล้วแหงนขึ้นไปมองด้านบน แสงอาทิตย์เริ่มอัสดงแล้ว ลำแสงที่ลอดผ่านแนวป่าเข้ามาเริ่มจะน้อยลงเต็มที

รออยู่นี่แล้วคอยสังเกตวิถีกระสุน ผมว่ามันเงียบเกินไปต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆเขาเริ่มเบี่ยงตัวจะก้าวออกจากซอกหิน

เดี๋ยวคริสตินดึงชายหนุ่มไว้ แล้วนายจะไปไหน

ผมจะเป็นตัวล่อให้เอง สังเกตดี ๆ ว่ากระสุนออกมาจากจุดไหนอย่าเพิ่งยิงนะ บางทีอาจมีตัวประกันอยู่ด้วย

แต่ว่า...

ตามนี้แหละ จะค่ำแล้วภารกิจยังได้ไม่ถึงครึ่งเลย หรืออยากจะนอนในป่าจบคำพูดเดฟก็ก้าวขาออกไปทันทีคริสตินเองก็ตั้งหลักกระชับปืนจนแน่น เขาเห็นเดฟเดินออกไปที่ริมน้ำชายหนุ่มเดินช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมทิ้งห่างจากจุดของคริสให้มากนัก

ปัง!!

เสียงปืนดังสนั่น เสียงนกบินแตกออกจากต้นไม้ดังพรึ่บพรั่บ ๆ ไปทั่ว เดฟรีบหมอบตัวนอนลงแนบ
พื้น
ปัง!!

นัดที่สองตามมาติด ๆ เล็งคนที่นอนหมอบอยู่เต็ม ๆ จากหลังต้นไม้ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ

และก่อนที่นัดต่อไปจะตามมาซ้ำ 

ปัง!!   ถึงคราวคริสตินปล่อยกระสุนตรงของตัวเองพุ่งเข้าใส่คนยิงอย่างแม่นยำ

ปลายกระบอกปืนจากหลังต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้ามร่วงตกลงที่พื้นพร้อมชายในชุดนักโทษสีน้ำตาลเข้มล้มกองลงทันที คริสรีบวิ่งออกมาจากหลังซอกหินกำลังจะเข้าไปดูเดฟที่นอนหมอบอยู่

ด้วยความไม่รอบคอบของเขา โดยลืมไปว่า นักโทษที่หนีออกมาไม่ได้มีแค่คนเดียว

หยุดอยู่ตรงนั้น!”  เสียงตะคอกดังมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำที่ไม่กว้างมากนัก จู่ ๆ กระแสลมแรงก็พัดผ่านมาพร้อมกลิ่นไอฝน

ชายในชุดนักโทษอีกคนใช้มีดจี้ล็อคคอตัวประกัน ส่วนมืออีกข้างชี้ปืนเล็งมาที่เดฟซึ่งนอนหมอบอยู่ก่อนแล้ว 

เดฟไม่ขยับตัวเลย  เขาต้องโดนยิงที่ไหนสักแห่งแน่นอน คริสตินชะงักหยุดยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก

แม่น้ำไหลเชี่ยวรุนแรง กิ่งไม้ไหวเอนตามแรงลม กลิ่นฝนลอยมากระทบปลายจมูก คริสตินจ้องที่ตัวประกัน  สีหน้าผู้คุมวัยกลางคนอ่อนละโหยลงอย่างเห็นได้ชัด ตามลำคอและใบหน้ามีรอยเลือดเลอะเทอะไปหมด

เดฟที่นอนหมอบอยู่เพราะโดนยิงกำลังคิดไปว่าช่างโชคดีชะมัด! พวกเขาเจอนักโทษสองคนแถมยังมีตัวประกันโผล่มาอีกหนึ่ง ในขณะที่เขาโดนยิงเช่นนี้ คริสตินเองก็ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย

วางปืนลง ถอดชุดออกผูกไว้กับเป้ แล้วโยนเป้ของมึงข้ามมา!!เสียงเหี้ยมร้องสั่งอย่างดัง

เร็วเข้า ไม่งั้นกูได้ปาดคอไอ้แก่นี่ตายห่าแน่!

คริสจำใจถอดชุดกันกระสุนของตนเองออกออก เขาเดินเข้าไปใกล้แม่น้ำแล้วโยนเป้พร้อมชุดที่ผูกติดไว้ข้ามไปให้ 

มันใช้ขาเขี่ยเป้เข้ามาใกล้ตัวเอง จู่ ๆ ก็เตะเป้ทั้งใบตกลงในแม่น้ำเชี่ยว คริสตินถึงกับงง

ทำไมมันทำอย่างนั้น

เอาล่ะ คราวนี้ไปถอดชุด ถอดเป้ของเพื่อนมึงออกมา ทำเหมือนเดิมแล้วโยนข้ามมาให้กู!!เสียงร้องสั่งจากนักโทษชายตะคอกมาอีกระรอก 

คริสตินได้แต่ยืนมองเป้ใบใหญ่ของตัวองลอยตามกระแสน้ำไปอย่างเร็ว

เร็ว!! ไม่งั้นกูปาดคอไอ้นี่จริง”  นักโทษชายส่งเสียงเกรี้ยวกราด มันคงหวังให้พวกเขาทั้งสองคนปลดเครื่องป้องกันออกทั้งหมด

เลวจริง!!  คริสตินเดินเข้าไปใกล้เดฟ เขาพลิกตัวชายหนุ่มให้นอนหงายพร้อมลงมือถอดเสื้อกันกระสุนของเดฟออก ขณะสายตากวาดหารอยแผลจากการถูกยิง

แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ คริสจึงจ้องตาเป็นเชิงถาม แต่คำตอบที่ได้มีแต่รอยยิ้มมุมปากของคนที่นอนหรี่ตามองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์อยู่เท่านั้น

เดฟไม่ได้โดนยิง!  นี่เขาโดนหลอกหรือนี่

เร็วเข้า! ห้ามพวกมึงคุยกัน ไม่งั้นกูฆ่าไอ้แก่นี้แน่เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดยังดังข้ามมาไม่หยุด คริสตินจึงรีบผูกเสื้อกันกระสุนของเดฟเข้ากับเป้ด้วยความโมโห แล้วเหวี่ยงข้ามไปอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับใบหน้านักโทษชายคนนั้นอย่างจัง

เฮ้ย!

เดฟเห็นโอกาสมาถึงเขาพลิกตัวแล้วคว้าปืนพกเล็กที่เสียบอยู่กับรองเท้ายิงเข้าไปหนึ่งที เฉียดมือมันไปนิดเดียว   

ปัง!!

มึงจะเล่นกับกูใช่ไหม” 
นช. คำราม  มีดคม ๆ กดลงที่คอของตัวประกันผู้อ่อนแรงจนเลือดเริ่มไหลทะลักออกมาอีกครั้ง  แต่แล้วจู่ ๆ ผู้คุมที่ถูกจับเป็นตัวประกันก็ทรุดลงกับพื้น นักโทษคนนั้นหน้าหรา  สารวัตรหนุ่มมองเห็นโอกาสชั่วพริบตา 

ปัง!!  หัวกระสุนเจาะตัดขั้วหัวใจ  นักโทษชายทรุดกองลงทันที

เดฟ!  ตัวประกัน”  คริสตินร้องเสียงหลง แข่งกับฝนที่เริ่มเทกระหน่ำซัดลงมาแล้ว เขาวิ่งหน้าตั้งจะลุยน้ำข้ามไป เดฟรีบเข้าไปดึงแขนไว้

ไปไม่ได้!  น้ำเชี่ยวมาก” 

แต่ว่าตัวประกัน.... เราต้องช่วย
คริสไม่สนใจอะไรอีกแล้วเขาสลัดแขนได้วิ่งหน้าตั้งลงแม่น้ำทันที เดฟก้มลงเก็บปืนขึ้นมาสะพายไว้แล้วตะลุยตามกันลงไป

กระแสน้ำกำลังเชี่ยวกราก  ห่าฝนที่เทกระหน่ำซัดลงมาแรงเป็นเท่าตัว

คริสตินลื่นล้มลงแล้วขณะที่เดฟรีบเข้าไปคว้าตัวเขาเอาไว้จากกระแสน้ำ สองคนตะเกียกตะกายให้ถึงฝั่งเร็วที่สุด ท้องฟ้ามืดลงไปมากทั้งเสียงฟ้าร้องคำราม  มือหนาจับท่อนแขนคริสไว้แน่น โขดหินคมบาดท่อนแขนขาวจนเลือดไหลเป็นทาง แต่คริสตินไม่ใส่ใจแม้สักนิด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของคนที่พวกเขากำลังจะเข้าไปช่วยเหลืออีกแล้ว เดฟมองเลือดที่ไหลจากแขนของคนที่เขาจับกับสีหน้ามุ่งมั่นที่เหมือนเคนยะไม่มีผิด ขณะที่ทั้งคู่ลื่นลงไปเป็นครั้งที่สอง  ขาแกร่งมิอาจต้านทานกระแสน้ำได้ประกอบกับฝนที่เทกระหน่ำลงมาห่าใหญ่ รอบข้างมืดมิดไปหมดสายฟ้าแลบลงมาอีกครั้ง คริสตินมองเห็นฝั่งอยู่แค่เอื้อมแต่กลับโดนกระแสน้ำพัดพาไปเรื่อย

แต่แล้วจู่ ๆ คริสตินก็คลายมือออกจากเขา

คริส!!  อย่าปล่อยนะเดฟตะโกนแข่งฝนเมื่อเห็นคริสตินอยู่ ๆ ก็หน้าซีดปากสั่น อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด

มันผิดปกติ

สายตาคริสจับอยู่ที่ศพนักโทษบนฝั่ง ตามแสงของสายฟ้าที่ฟาดลงมาเป็นระยะ ๆ 

คริสเป็นโรคกลัวศพอยู่แล้ว แต่เดฟไม่รู้!

คริส!!”  เดฟตะโกนอีกครั้งพร้อมพยายามเข้ามาโอบเอาตัวคนที่กำลังเริ่มขาดสติ คริส!!  คริสครับ!!”   เขาเขย่าตัวอีกฝ่ายอย่างแรงพร้อมตบแก้มเรียกสติ ขณะที่พยายามลากคริสตินขึ้นฝั่งให้ได้

คริส!!

.
.
.

เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาก็นั่งอยู่หลังโขดหินใหญ่ของอีกฝั่งเรียบร้อย ฝนยังตกอยู่ไม่หยุด รอบข้างที่มืดสนิททำให้เขาเหมือนคนพิการยังไงบอกไม่ถูก แขนและขาเจ็บปวดระบมไปหมด

แล้วเดฟล่ะ??

เมื่อนึกได้ดังนั้นคริสเริ่มหันซ้านหันขวา เขามองไม่เห็นเพราะความมืด มีแค่ลำแสงจากสายฟ้าที่ผ่าเป็นระยะเท่านั้น ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ใช้แสงไฟสีเขียวจากตัวเรือนนำสายตา  4 ทุ่มกว่าแล้ว รอบข้างไม่เห็นใคร

เดฟไปไหน??

จุดนี้ห่างจากจุดที่พวกเขายิงตอบโต้กับคนร้ายมากพอสมควรแน่ เพราะหินก้อนใหญ่ที่เขานั่งพิงอยู่นั้น ดูแล้วไม่คุ้นเอาเสียเลย

เดฟ!!”  คริสตะโกนเรียกแข่งฝนพร้อมลุกขึ้นยืน  แต่เข่าเขาทรุดลงในทันที ความเจ็บปวดจากแผลที่หัวเข่าแล่นขึ้นสู่สมอง โอ๊ย
ย..

เดฟ!!” 

เดฟหายไปไหน เขาพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้งแล้วลากขาเดินออกไปด้วยความเจ็บปวด มือสัมผัสได้ถึงความเหนียว น่าจะมีเลือดไหลออกมาด้วย 

เดฟ!!”  ยังไม่มีเสียงตอบอีก

เดฟ!! นายอยู่ไหนน่ะน้ำเสียงเขาเริ่มอ่อนแรงพร้อมขาอ่อนลงเพราะรอยแผล ชายหนุ่มทรุดลงนั่งกลางทางมืด ๆ

เดฟ....”  นายยังปลอดภัยอยู่รึเปล่า ไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเรียกแล้ว

อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าเป้ และมันหายไปจนหมดสิ้น  อีกทั้งเสื้อที่เขาสวมอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพียงเสื้อเชิ๊ตบาง ๆ เท่านั้น เดฟเองก็มาหายตัวไปอีกคน คริสตินนั่งถอดใจท่ามกลางสายฝนและความมืด มือขาว ๆ มีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ไม่รู้น้ำฝนหรือน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม

เสียงฟ้าร้องคำรามดังมาเป็นระยะ เขาเห็นลำแสงเล็ก ๆ จากสายฟ้าผ่าลงที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ คริสตินตัดสินใจพยายามตะเกียกตะกายลากขาที่บาดเจ็บ เดินไปในทางที่คุ้นตา

ศพนักโทษในชุดสีน้ำตาลสองคนนอนเรียงกันอยู่เบื้องหน้า  ข้าง ๆ กันมีผู้คุมที่ถูกจับเป็นตัวประกันนอนอยู่ด้วยซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว

คริสผงะ!!

เขาใช้มือลูบหน้าไล่สายน้ำฝนที่เทลงมาไม่หยุด เข่าทรุดกองลงกับพื้นอีกครั้งเนื้อตัวขาวเริ่มสั่นเทาขึ้นมาในความมืด

เขาฆ่าคน!  ใช่ เมื่อกี้เขายิงนักโทษชายคนหนึ่งจนล้มกองลงไป

เขากลัว

กลัวมาก

เริ่มไม่ได้ยินเสียงจากรอบข้างอีกแล้ว

แม้แต่แสงสีดำในความมืดก็จะมองไม่เห็นแล้วด้วย

จู่ ๆ ก็มีมือมาดึงตัวเขาเข้าไปกอดไว้ น้ำตาที่ไหลร่วงลงมาพร้อมกับสายฝน คริสร้องไห้โฮออกมาทันทีที่จำได้ว่ากลิ่นของคนที่กอดเขาไว้ในตอนนี้คือใคร

เดฟ    คริสงึมงำแผ่วเบาคล้ายคนเพ้อ

มือแกร่งกดหัวคริสตินไว้ในอ้อมกอดจนแน่น เดฟพยายามพาคริสที่เดินไม่ถนัดเพราะเจ็บที่ขามานั่งลงที่ด้านหลังหินก้อนใหญ่อีกครั้ง

เดินออกมาทำไมเขาถอดเสื้อตัวเองออกมาแล้วบิดให้แห้งที่สุด ใช้มันเช็ดหัวให้คริสติน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายตัวสั่นมาก  คิดว่าคงเกิดจากความหนาวอีกทั้งความกลัว

ผมออกไปจัดการเรื่องศพแล้วก็ดูตัวประกันด้วย พวกเขาเสียชีวิตหมดแล้วก้อนหินขนาดใหญ่พอจะบดบังฝนได้นิดหน่อย โชคดีที่ฝนเริ่มจะซาลงบ้างแล้ว แต่คริสยังนั่งตัวสั่น ปากเล็ก ๆ ของเขาเม้มกัดไว้จนแน่น เดฟใช้แสงไฟจากนาฬิกาของตัวเองส่องดูหัวเข่าที่บาดเจ็บของอีกฝ่าย

ใส่ยาก่อนนะ โชคดีที่ของในเป้ผมยังไม่เสียหาย”  เดฟล้วงยาออกมาจากกระเป๋าที่เขาเก็บมาด้วยเมื่อสักครู่ เทราดแผลให้คริส เสียงโอดโอยเบา ๆ จากผู้หมวดหนุ่มทำเอาเขาถึงกับขำ

จะตลกอะไรล่ะไม่ต้องมองเห็นก็รู้ว่าตอนนี้คนพูดคงหน้างอง้ำอยู่เป็นแน่แท้

เปล่าสักหน่อย  เพี้ยง! หายเจ็บแล้วพรุ่งนี้วิ่งได้สบายเลย”  ยังมาทำปลอบใจเหมือนเป็นเด็ก

เสียงฟ้าร้องคำรามมาอีกครั้ง คริสสะดุ้งจนเผลอเกาะไหล่แล้วเบียดคนข้าง ๆ ไว้แน่น ฝนเริ่มซาลงมากแล้วจนเกือบจะหยุด  จริงสินะภารกิจที่ฟ็อกซ์สั่งไว้ว่าต้องปิดให้ได้ภายในวันนี้ มันเสร็จสิ้นแล้วก็จริง แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถติดต่อกับพรรคพวกข้างนอกได้เลย

แล้วป่านนี้พี่เคนกับซาโต้จะเป็นยังไงบ้าง ฟ็อกซ์เองก็ด้วย ภารกิจจะสะสางเสร็จเรียบร้อยหรือยัง คริสตินเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อย

โดยเฉพาะเจ้าซาโต้ ป่านนี้จะนอนกลางป่ากลางฝนกับพี่เคนเหมือนเขารึเปล่า

ชอบมันเหรอ?จู่ ๆ เดฟก็ถามขึ้น แผงอกแกร่งเปลือยเปล่ากระเพื่อมลมหายใจเบา ๆ ชายหนุ่มเสยผมแล้วเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่หลังโขดหินนั่น

ถ้าบุหรี่ไม่เปียกคงได้จุดขึ้นแล้วเป็นแน่แท้

หือ??”

เจ้าซาโต้น่ะ ชอบมันเหรอ?

“.........” คริสตินเริ่มทำหน้าไม่ถูก ยังคงอ้ำอึ้งกับคำถาม

ดูออกง่ายจังนะ

“........” 

นายน่ะ ดูออกได้ง่าย ๆ เลย ชอบใครหรือไม่ชอบใคร คิดถึงใคร เป็นห่วงใคร

แล้ว...มันแปลกรึเปล่า??คงจะจริงสินะที่ซาโต้เคยบอกไว้ว่าเดฟมีสัญชาตญาณดี  ไม่นึกว่าจะดีกระทั่งเรื่องแบบนี้ก็ด้วย 

ธรรมดานี่ ผมเองก็ชอบผู้ชาย

เรื่องนั้น.....ผม  ก็พอรู้มาบ้าง

แล้วกลัวรึเปล่า

“.........”  คริสหันไปจ้องหน้าเดฟแม้จะมองไม่ค่อยเห็นนัก เขาห่อไหล่ถูมือประทังความหนาว ปากเล็กเริ่มสั่นขึ้นนิด ๆ ฝนสาดเข้ามาไม่ถึงก็จริงแต่เดฟที่ตัวแห้งแล้วเพราะถอดเสื้อออกกับเขาที่ตัวยังเปียกโชกอยู่เพราะสวมเสื้อไว้

ความรู้สึกจะต่างกันไหมนะ

อยู่กับผมสองคนแบบนี้  กลัวไหม?

......ไม่นี่ ” 

คริสตินส่ายหน้าแล้วตอบออกมาเบา ๆ หนาวมากเหลือเกิน สายตาทอดออกไปด้านนอก ลำแสงเล็ก ๆ จากสายฟ้าแลบส่องผ่านลงมา สายตาสะดุดลงที่สามศพนอนเรียงกันอยู่พอดี เขารีบดึงสายตากลับมา

เนื้อตัวขาวเริ่มสั่นขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

ถ้าไม่กลัวก็ถอดเสื้อออกซะ  ตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวเป็นไข้เอาง่าย ๆ

ฮัดชิ่ว!ว่ายังไม่ทันขาดคำ  คริสถูจมูกโด่งไปมาเบา ๆ

ผมไม่อยากต้องไปแก้ตัวกับทั้งเคนยะทั้งเจ้าซาโต้หรอกนะคำพูดยังไม่ทันจบ เขาก็เริ่มคลำหากระดุมเสื้อเม็ดแรกของคริสแล้ว

เมื่อเชิ้ตตัวบางของคริสตินถูกปลดลง มือใหญ่สัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มของผิวคนตรงข้าม เสียงฟ้าร้องยังคำรามไม่หยุด ลำแสงเล็ก ๆ ลอดผ่านลงมาเป็นระยะ ๆ เขาจับไหล่บางของคริสตินไว้ใบหน้าคมเหมือนถูกดึงดูดให้โน้มเข้าหาอีกฝ่ายโดยที่เขาเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ สองมือหนาเลื่อนขึ้นมาประคองสองแก้มนิ่มของคริสไว้

เดฟ ? ”

เสียงเรียกแผ่วเบาจากคนที่คงมองไม่เห็นการกระทำของเขา 

“….จูบได้ไหม” 

เสียงแหบพร่าที่ฟังดูแล้วอยู่ใกล้เสียเหลือเกิน  คริสตินรีบตะปบสองมือของเขาเข้ากับฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมใบหน้าเขาไว้

สายฟ้าแลบกับเสียงฟ้าร้องคำรามมาอีกระรอก  เผยให้เห็นว่าใบหน้าคมนั้นอยู่ใกล้ชิดเขามากเพียงใด ลมหายใจอุ่นร้อนของเดฟส่งผ่านมาถึงปลายจมูกรั้น คริสรีบขืนใบหน้าน่ารักไว้ในทันที

เดฟ    เรียกพร้อมส่ายหน้าเบา ๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่า ทำไมได้

เดฟจึงปล่อยมือออก แล้วเปลี่ยนมาบีบจมูกเขาแทน

“…55555  แค่ลองใจหรอกน่า คิดว่าผมจะทำจริงหรือไง  หน้าอย่างนายใครจะไปจูบลงกันเล่าใบหน้าคมแสร้งมองดูนั่นดูนี่พลางแหงนมองไปบนท้องฟ้ามืด

นั่นสินะ  นายคงไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ ”  ทั้งหนาวทั้งมืด ถึงแม้จะถอดเสื้อที่เปียกออกแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ใส่อะไรอยู่ดี

ชอบมันซะขนาดนี้ ทำไมไม่บอกออกไปเสียล่ะ

“.........”

ระวังนะ  เจ้าซาโต้มันจะท้อจนถอยไปซะก่อน อย่าลืมว่าซาโต้ไม่ใช่เกย์แบบผม ผู้หญิงรอต่อคิวมันให้เพียบเดฟปรับอารมณ์ตัวเองให้เข้าที่พร้อมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“...... ก็.... อะไร ๆ มันก็ไม่แน่นอนใช่ไหมล่ะ อีกอย่างซาโต้เองเขาก็มีหมอเจด้าอยู่แล้วเรื่องนี้เขาก็รู้กันทั้งตึก แล้วจะให้ผมพูดออกไปได้ยังไงคริสหยิบเชิ้ตตัวบางของตัวเองมาบิดน้ำออกจนแห้ง แล้วผึ่งวางไว้ใกล้ ๆ ตัว ไม่รู้ทำไมเขาถึงเปิดใจพูดเรื่องแบบนี้กับคนตรงหน้าได้

ยังเจ็บแผลอยู่ไหม

อือ  นิดหน่อย

หึหึ ตัวสั่นหมดแล้วนายน่ะ ง่วงรึยัง นอนสิ

ไม่เป็นไร นายนอนเถอะเดี๋ยวผมเฝ้ายามให้เองคริสตินลูบหัวไหล่เปลือยเปล่าของตัวเองสำรวจแผลจากหินบาดที่รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา

เฮ้อ  แปลกคนจริง เสียงแหบซะขนาดนี้แล้วมือแกร่งดึงเอาคริสตินไปซบลงที่หน้าอกของตนเอง

อาจจะไม่อุ่นเหมือนอกเจ้าซาโต้ แต่ก็นอนได้ใช่ไหมล่ะ มาสิ” 

แผงอกอุ่น ๆ ของเดฟไม่อุ่นเท่าของซาโต้ก็จริง แต่อาการสั่นของคริสก็ลดลงจนเห็นได้ชัด  เขาตัดสินใจหลับตาลงแน่น ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างจมไปในความมืด 

เราช่วยตัวประกันไม่ได้ เขาตายแล้วเสียงพึมพำแผ่วเบาดังขึ้นจากคนในอ้อมกอด

ครับ.....เราทำดีที่สุดแล้ว นอนเถอะนะ”  มือใหญ่กดหน้าผากเนียนเข้าชิดสู่อ้อมอก  ขณะที่ดวงตาคมมองทอดออกไปในความมืด  เมฆสีดำค่อยเคลื่อนตัวออกจากจันทร์ดวงโตแล้ว สายลมอ่อน ๆ พัดโชยหอบความเย็นทะลุพาดผ่านผิวกาย

อ้อมกอดที่เปลือยเปล่าโอบกระชับไหล่บางเนียนให้แน่นขึ้นไปอีก

เสียงหรีดหริ่งเรไรยามค่ำคืนดังแทรกขึ้นแทนเสียงฝน

เดฟฮึมฮัมเพลงเบา ๆ ในลำคอ ทำลายความเงียบเหงา

ฟังดูแล้วโรแมนติกพิลึกเลย


.......จะขอยืนอยู่ตรงนี้ ตราบที่ฉันหายใจ
จะขอยืนอยู่ตรงนี้ ดูแลเธอเรื่อยไป
ไม่ให้เธอมีน้ำตา ไม่ว่าปัญหาเข้ามาเท่าไหร่
จะรักเธออยู่ตรงนี้ ตราบที่ฉันหายใจ
ชีวิตฉันต่อจากนี้ ไม่อาจจะรักใคร
ได้โปรดให้ฉันดูแล จะอยู่ตรงนี้จนวันสุดท้าย……

Tbc.